คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เร่งดูดเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในอัตราสูงโดยผู้ใช้ดีเซลถูกเรียกเก็บ 6.22 บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เรียกเก็บ 2.30 บาทต่อลิตร หวังกองทุนฯฟื้นตัวเป็นบวกโดยเร็ว ปัจจุบันมีเงินไหลเข้า 17,416 ล้านบาทต่อเดือน แต่ภาพรวมกองทุนฯ ยังติดลบ 75,753 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center- ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ได้เร่งเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อหวังลดภาระการชดเชยราคาน้ำมันในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่กองทุนฯ เคยนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม(LPG) จนกองทุนฯติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 แสนล้านบาท เมื่อเดือน พ.ย. 2565
โดยปัจจุบันเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ ดังอัตราต่อไปนี้ กลุ่มดีเซล 6.22 บาทต่อลิตร, ดีเซล เกรดพรีเมียม7.72 บาทต่อลิตร, เบนซิน 8.88 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 อัตรา 0.31 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 อัตรา 2.30 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ส่งผลให้ฐานะกองทุนฯ ที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) ล่าสุด ณ วันที่ 14 พ.ค. 2566 กองทุนฯ ยังคงติดลบสุทธิ 75,753 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม 29,059 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม(LPG) ติดลบ 46,694 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแม้กองทุนฯ จะยังคงติดลบ แต่ถือเป็นการติดลบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ทรงตัวระดับต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้ไม่ต้องนำเงินกองทุนฯ ไปชดเชยราคาน้ำมัน และการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราที่สูง ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าประมาณ 561.82 ล้านบาทต่อวัน หรือ 17,416 ล้านบาทต่อเดือน
ด้านสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 16 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 74.01 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 71.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.08 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 75.17 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.06 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
สำหรับค่าการตลาด ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวันที่ 16 พ.ค. 2566 พบว่าค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 2.20 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดกลุ่มเบนซินอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดเฉลี่ยระหว่างวันที่ 1-16 พ.ค. 2566 อยู่ที่ 2.20 บาทต่อลิตร โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2566 ได้คืนค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันให้กลับมาอยู่ในอัตราปกติประมาณ 1.80-2 บาทต่อลิตร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ขอความร่วมมือให้คงค่าการตลาดไว้ที่ 1.40 บาทต่อลิตร ในช่วงราคาพลังงานแพง
ส่วนราคาน้ำมัน ณ วันที่ 16 พ.ค. 2566 ราคากลุ่มดีเซล อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร, ดีเซลเกรดพรีเมียมอยู่ที่ 41.06 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 32.89 บาทต่อลิตร , แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 32.44 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 34.75 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 34.48 บาทต่อลิตร