ปตท.เตรียมพร้อมเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าช่วงหน้าร้อน รองรับความต้องการใช้พุ่งสูง มั่นใจไม่มีปัญหาการขาดแคลน และสามารถจัดหา LNG แบบ Spot ล่วงหน้าในราคาที่ถูกลงช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ประชาชนได้มากเมื่อเทียบกับช่วงหน้าร้อนของปีที่แล้ว
นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ได้มีการประชุมหารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในจัดหาเชื้อเพลิง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดช่วงหน้าร้อน เอาไว้แล้ว ทำให้ ปตท.สามารถจัดหา LNG แบบ Spot ได้ในราคาที่ต่ำ เฉลี่ย 13-14 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เพื่อสำรองไว้ในคลัง LNG โดยเมื่อเปรียบเทียบกับราคา LNG แบบ Spot ของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ถือว่าช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงได้มาก โดยจะลดการใช้น้ำมันดีเซลที่มีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าลงมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการคำนวณค่าเอฟที ช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 ที่ค่าไฟฟ้ายังไม่ได้ลดลง ตามราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่ต่ำลง เนื่องจาก ต้องบวกภาระหนี้ของ กฟผ.ที่ช่วยแบกต้นทุนแทนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
นายวุฒิกร กล่าวถึงพีคไฟฟ้าของปี 2566 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ที่ยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งถึงระดับ 31,054 เมกะวัตต์ ว่า ในส่วนของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ ยังอยู่ที่ประมาณ 4,750-4,800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งยังไม่ได้สูงกว่าในอดีต ที่พีคของเชื้อเพลิงก๊าซอยู่ที่ระดับเกิน 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ปตท.จึงยังสามารถบริหารจัดการเชื้อเพลิง ได้เป็นอย่างดี และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง จนส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 เวลา 15.29 น. ที่ผ่านมา ได้เกิดพีคไฟฟ้าของปี 2566 ขึ้น โดยมียอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงที่ระดับ 31,054 เมกะวัตต์ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนที่มีอุณหภูมิสูงสุดระดับ 38-41 องศาเซลเซียส ซึ่งสะสมมาตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 2566
อย่างไรก็ตามการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของวันที่ 28 เม.ย. 2565 เวลา 14.30 น. ยังอยู่ที่ระดับ 33,177 เมกะวัตต์ ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ.คาดการณ์ว่า ช่วงหน้าร้อนปี 2566 นี้ อาจจะเกิดพีคไฟฟ้าทำลายสถิติสูงสุดของปี2565 ในระบบ 3 การไฟฟ้าได้
อย่างไรก็ตามแม้จะเกิดพีคไฟฟ้าที่จะทำสถิติใหม่ แต่มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาไฟฟ้าตก หรือดับ เนื่องจากยังมีปริมาณสำรองการผลิตไฟฟ้าในระบบสูงเกิน 30% จากปกติที่ต้องมีประมาณ 15% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด