ทิศทางนโยบายพลังงาน​จาก​ ​4​ พรรค​ หลังเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ

937
- Advertisment-

4​ พรรคการเมืองเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ​ให้เห็นโฉมหน้ากันแล้ว​ทั้ง​ เพื่อไทย​ ก้าวไกล​ รวมไทยสร้างชาติ​ และพลังประชารัฐ​

ถ้าจับประเด็นเฉพาะเรื่องพลังงาน​ มี​ 3​ รายชื่อที่มีประสบการณ์​ในการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน​ ได้แก่​ พรรคเพื่อไทย​ นายแพทย์​พรหมินทร์​ เลิศสุรีย์เดช​ เคยดำรงตำแหน่ง​ ช่วง​ ก.พ.2546-มี.ค.2548​ สมัยรัฐบาลทักษิณ​

คนที่สอง​ พรรคพลังประชารัฐ คือนายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์​ ดำรงตำแหน่ง​ ช่วง​ ​ก.ค​.2562-15 ก.ค. 2563​ สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​ และพรรครวมไทยสร้างชาติ​ นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์มี​เชาว์​ ดำรงตำแหน่งช่วง​ ส.ค.2563​ จนถึงวันยุบสภา​ 20​ มี.ค.2566​ และปัจจุบันยังคงรักษาการอยู่

- Advertisment -

ส่วนทีมเศรษฐกิจ​ของพรรคก้าวไกล​ ได้ผู้ที่มีประสบการณ์​คลุกคลีอยู่ในแวดวงพลังงานโดยเฉพาะเรื่องของไฟฟ้า​ ในบทบาทของนักวิชาการ​ มายาวนาน คือ​ อาจารย์​เดชรัต สุขกำเนิด​

นายแพทย์​พรหมินทร์​ เลิศสุรีย์เดช​ พรรคเพื่อ​ไทย​

สำหรับพรรคเพื่อไทย​ ที่เชื่อกันว่าจะได้คะแนนเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร​เป็นอันดับหนึ่ง​ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงและมีโอกาสสูงว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล​ นั้นชูนโยบายหาเสียงเรื่องพลังงาน​ ว่าจะลดราคาค่าไฟ​ฟ้า ค่าน้ำมัน​ ค่าแก๊ส​ ทันที​ ที่ได้เป็นรัฐบาล​ ถามว่าจะทำได้อย่างไร​ ก็ตอบว่า​ทำได้ทันทีในส่วนของน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซิน​ ด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิต​ หรือลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน​ โดยที่กองทุนน้ำมันจะยังคงมีฐานะติดลบอยู่ต่อไปก่อน​ จาก​ ณ​ วันที่​ 19​ มี.ค.2566​ กองทุนมีฐานะติดลบ​ อยู่​ 9.7 หมื่นล้านบาท​

ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์​กองทุนน้ำมัน​ นั้นก็เคยติดลบสูงถึง​ 9.2 หมื่นล้านบาท​ ในช่วงที่นายแพทย์​พรหมินทร์​ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน​ เพราะมีนโยบายการตรึงราคาทั้งเบนซินและดีเซล​ แต่ก็มาถูกทำลายสถิติโดยสิ้นเชิง​ ในสมัยของนายสุพัฒนพงษ์​ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน​ ที่​ตัวเลขติดลบพุ่งสูงถึง​ 1.3​แสนล้านบาท​ จากนโยบายการตรึงราคาดีเซลเอาไว้ยาวนานเช่นเดียวกัน

สำหรับเรื่องของค่าไฟฟ้านั้น​ ในการคำนวณค่าเอฟที​ งวดเดือน​ พ.ค.-ส.ค.​ 2566​ ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน​ หรือ กกพ.​เคาะตัวเลขออกมาแล้วว่า​ ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยจะปรับเพิ่มเล็กน้อยเป็น​ 4.77​ บาทต่อหน่วยจากงวดก่อนหน้า​ ซึ่งอยู่ที่​ 4.72​ บาทต่อหน่วย​

โดยเมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่​ ส.ค.2566​ ค่าเอฟที​ สำหรับงวด​ ก.ย.-ธ.ค.2566​ ก็น่าจะปรับลดลงได้​ โดยไม่ต้องออกแรงบริหารจัดการอะไรมาก​ เนื่องจากค่าเชื้อเพลิงที่เป็นต้นทุนหลัก​คือก๊าซธรรมชาติ มีแนวโน้มที่จะลดลง​ เพราะผลิตก๊าซจากอ่าวไทย​ที่มีราคาถูกกว่า​ LNG​ นำเข้าได้เพิ่มมากขึ้น

สนธิรัตน์​ สนธิ​จิรวงศ์​ พรรคพลังประชารัฐ

สำหรับพรรคพลังประชารัฐ​ ก็มีนโยบายการหาเสียงที่จะลดราคาทั้งน้ำมันและไฟฟ้าเช่นเดียวกัน​ ซึ่งก็คงใช้กลไกที่ไม่แตกต่างกันกับพรรคเพื่อไทยมากนัก​

และถ้ายังจำกันได้​ สมัยที่นายสนธิรัตน์​ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน​ ก็มีนโยบายให้ ​กกพ.​นำเงินบริหารค่าเอฟที​ มาใช้จนหมดหน้าตัก​ กว่า​ ​2​ หมื่นล้านบาท​ เพื่อช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประชาชนลดผลกระทบภาครัวเรือนที่ต้อง​Work​ From​ Home​ ช่วงโควิด-19

สุพัฒนพงษ์​ พันธ์​มี​เชาว์​ รวมไทยสร้างชาติ

ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ​ ที่ทีมเศรษฐกิจ​คือ​นายสุพัฒนพงษ์​ ก็คงจะเห็นผลงานการตรึงราคาทั้ง ดีเซล ก๊าซหุงต้ม​ กันแบบหลังแอ่น​ หนี้ท่วมทั้งกองทุนน้ำมัน​ และ กฟผ.​ เพราะเจอจังหวะวิกฤติซ้อนวิกฤติ​ ทั้ง​สงครามรัสเซีย-ยูเครน​ และ​ เศรษฐกิจ​ที่ชะลอตัวจากผลพวงของโควิด-19​

ส่วนภาคไฟฟ้า​ ผลงานที่เด่นชัดคือการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบล็อตใหญ่​ 2​ ล็อต​ ล็อตแรก​ 5,200​เมกะวัตต์​และล็อต​สอง​ อีก​ 3,600 เมกะวัตต์​ นัยว่าเพื่อปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงให้ตอบโจทย์เรื่องการลดก๊าซคาร์บอน​ตามเทรนด์โลก​ ท่ามกลางข้อกังขาของ​ พรรคก้าวไกล​ เรื่องสำรองไฟฟ้าล้นระบบ​ ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น​

และนโยบายที่รัฐบาลชุดปัจจุบันทำไว้คือประเด็นที่พรรคก้าวไทย​ อาสาจะเข้ามาแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน​ ป้ายหาเสียงของพรรคก้าวไกล เขียนว่า หยุดเอื้อทุนใหญ่ค่าไฟฟ้าลด​ ​70​ สตางค์​


เดชรัต​ สุข​กำ​เ​นิด​ พรรคก้าวไกล

โดยอาจารย์เดชรัต อภิปรายในเวทีที่จัดโดย​ คปพ.​ ว่า​ นโยบายด้านพลังงานที่พรรคก้าวไกล​จะดำเนินการ เรื่องหลักๆคือ​
ค่าไฟฟ้า​ จะมีการเข้าไปปรับสูตรราคาก๊าซ​ ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า​เพื่อให้ภาคครัวเรือนได้ใช้ก๊าซราคาถูกเหมือน ภาคอุตสาหกรรม

การเข้าไปปรับลดภาระค่าความพร้อมจ่าย​ โดยเจรจากับโรงไฟฟ้าเก่า​ ที่เป็นโรงไฟฟ้าไม่มีประสิทธิภาพและใกล้จะหมดอายุ

ที่น่าสนใจคือการหยุดข้อตกลงสัญญาซื้อขายไฟฟ้​า เพิ่มเติม​ ในโรงใหม่​ เพราะประเทศมีสำรองไฟฟ้าล้นเกิน​ การปรับพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าใหม่​ ไม่ให้สูงเกินกว่าความเป็นจริง
รวมทั้ง​ การยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด​ภายในปี​2578

นอกจากนี้ยังจะส่งเสริมไฟฟ้าจากโซลาร์​เซลล์​ และระบบ​ Net​ Metering เพื่อให้การซื้อขายไฟฟ้าจากโซลาร์​เซลล์ของภาคประชาชนมีความคล่องตัวและเป็นธรรมมากขึ้น​

ได้เห็นทิศทางนโยบายด้านพลังงานจาก​ 4​ พรรคการเมืองกันพอสังเขป​แล้ว​ จากนี้ก็อยู่ที่ว่า​ หลังการเลือกตั้ง​เดือน​ พ.ค.2566​ พรรคไหนจะได้เป็นแกนนำรัฐบาล​ และจะส่งใครมาเป็นรัฐมนตรีพลังงาน​ นโยบายของพรรคนั้นจึงจะมีโอกาสนำไปสู่ภาคปฏิบัติ​ได้

ที่สำคัญคือ อย่าใช้นโยบายที่ท้ายที่สุดประชาชนผู้ใช้พลังงานต้องรับภาระไปมากกว่านี้เลย

Advertisment