ปตท.จับมือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)จัดตั้งโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC) โดยนำความเย็นจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาทำห้องเย็น เพื่อช่วยเก็บรักษาพืชผลการเกษตร และช่วยยกระดับราคาให้สูงขึ้น โดยได้รับความเห็นชอบจากบอร์ดปตท.แล้ว คาดมีรายละเอียดที่ชัดเจนในไตรมาสที่3หรือ4 ปีนี้
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผย ว่า ปตท.มีความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ในโครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC) ในพื้นที่นิคม Smart Park มาบตาพุดเพื่อนำความเย็นจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาทำห้องเย็นช่วยเก็บรักษาพืชผลการเกษตร ยืดอายุผลิตภัณฑ์ผลไม้ของเกษตรกรภาคตะวันออกในช่วงเวลาที่ผลไม้ออกสู่ตลาดพร้อมกันในปริมาณมาก เป็นการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ โดยโครงการดังกล่าวทางคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด ปตท.) ได้อนุมัติการลงทุนโครงการEFC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียด ว่ารูปแบบธุรกิจจะเป็นอย่างไร ผลไม้จะมาจากพื้นที่ไหน ซื้อขายกันอย่างไร โดยปตท.จะทำหน้าที่ผลิตและดูแลความเย็นจากLNGให้ ซึ่งขณะนี้ก็มีคณะทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะพิจารณา คาดว่า จะมีความชัดเจนเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส3-4ปี 2562 นี้ หลังจากนั้นจึงจะเห็นการลงทุนเกิดขึ้น
“ตอนนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม กำลังดูโมเดลที่เหมาะสมว่าจะทำอย่างไร ตลาดอยู่ที่ไหน ราคาจะเป็นเท่าไหร่ ปตท.ก็เดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้” นายชาญศิลป์ กล่าว
นอกจากนี้ ปตท.ยังได้จัดตั้ง บริษัทมาบตาพุด แอร์โปรดักส์ จำกัด (MAP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง เครือ ปตท.ถือหุ้น 51% และบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ บีไอจี ถือหุ้น 49% จัดทำโครงการ Air Separation Unit หรือ หน่วยแยกอากาศ โดยใช้พลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในการผลิตก๊าซอุตสาหกรรม ได้แก่ ไนโตรเจน ออกซิเจน และอาร์กอน เพื่อรองรับความต้องการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และทางการแพทย์
โดยโครงการ Air Separation Unit หรือ หน่วยแยกอากาศ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ใช้เงินลงทุน 1,500 ล้านบาท กำลังผลิต 450,000 ตันต่อปี จะผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2564 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนนโยบายรัฐในโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก
