IRPC เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 กำไรสุทธิ 3,833 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน และรุกธุรกิจใหม่ด้วยนวัตกรรมวัสดุและการใช้พลังงาน ที่สร้างสมดุลให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมรับสถานการณ์ทั่วโลกที่มีความผันผวนและการชะลอตัวจากเศรษฐกิจ
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 99,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,787 ล้านบาท หรือร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 โดยมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 12,562 ล้านบาท (20.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น 8,457 ล้านบาท หรือร้อยละ 206 มีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ต้นทุนราคาน้ำมันดิบ (Crude Premium) ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 11,264 ล้านบาท หรือ 18.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิ 3,833 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 155 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2565 IRPC มีรายได้จากการขายสุทธิจำนวน 176,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 โดย มี Market GIM อยู่ที่ 16,667 ล้านบาท (13.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ต้นทุน ราคาน้ำมันดิบ (Crude Premium) ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมี Accounting GIM จำนวน 21,155 ล้านบาท หรือ 17.58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 3,046 ล้านบาท หรือลดลง 5.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2565 สะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ และแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ เช่น การร่วมลงนามสัญญาการผลิตก๊าซไนโตรเจนและออกซิเจนกับบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ BIG เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงการยูโร 5 ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฝุ่น PM 2.5 ความร่วมมือเพื่อศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง ระหว่าง IRPC – INNOBIC และบมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก การลงนามข้อตกลงกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงการเปิดศูนย์เรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรผสมผสานสวนยายดา “เจ๊บุญชื่น” IRPC Smart Farming จ.ระยอง โดยบูรณาการนวัตกรรมขององค์กรผสานเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้บริการคลินิกหมอดินนวัตกรรมปุ๋ยซิงค์ออกไซด์ นาโน หรือ “ปุ๋ยหมีขาว” การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด “โซลาร์ลอยน้ำ” ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรจังหวัดระยองและเกษตรกรทั่วประเทศ
แนวโน้มภาวะตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 3 คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นยังคงมีความผันผวน จากสภาวะเงินเฟ้อในหลายประเทศและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในส่วนแนวโน้มภาวะตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 3 คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะปรับตัวดีขึ้น ความต้องการสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตใหม่จากจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และโรงงานปิโตรเคมีในมาเลเซียที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้อุปทานมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล ซึ่งการดำเนินงานในครึ่งแรกของปีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งยืนยันได้จากการได้รับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2022 หรือ AREA 2022 ในสาขา Health Promotion ภายใต้ชื่อ โครงการ VAJIRA LAB: Healthcare Security for Society (วชิรแล็บเพื่อสังคม) ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ดำเนินการศึกษา และจัดตั้งห้องปฏิบัติการกลางเพื่อตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนที่สร้างการเติบโต ควบคู่กับการสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อไป