คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติขยายเวลาลดราคาน้ำมันไบโอดีเซลB20 ให้ต่ำกว่าดีเซลทั่วไป 5 บาทต่อลิตร ต่อไปอีก 3 เดือน หลังจากใกล้หมดอายุโครงการวันที่ 28 ก.พ. 2562 นี้ โดยให้เหตุผล B20 ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) พร้อมตั้งเป้า 3 เดือนดันยอด B20 ให้ถึง 3 ล้านลิตรต่อวัน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ว่า ที่ประชุม กบง.มีมติขยายมาตรการลดราคาน้ำมันไบโอดีเซลB20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์20% ในทุกลิตร) ให้ต่ำกว่าราคาดีเซลทั่วไป 5 บาทต่อลิตร ต่อไปอีก 3 เดือน(มี.ค.-พ.ค.2562) เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ. 2562 และจะทำให้ราคาB20 กลับมาสู่ราคาที่ต่ำกว่าดีเซลทั่วไป 3 บาทต่อลิตร แต่ภาครัฐต้องการจูงใจให้เกิดการใช้ B20 ในรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่มากขึ้น เพราะช่วยลดปัญหาควันดำและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5)ได้จริง จึงเห็นควรให้ขยายมาตรการดังกล่าวต่ออีก
ทั้งนี้กระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายให้จำหน่าย B20 ให้ได้ 90 ล้านลิตรต่อเดือน หรือ 3 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะทำสำเร็จใน 1-3 เดือน เนื่องจากปัจจุบันรถขนาดใหญ่หันมาใช้ B20 มากขึ้น ประกอบกับภาครัฐได้อนุญาตให้เปิดจำหน่าย B20 ในปั๊มน้ำมันได้ ส่งผลให้ยอดใช้ B20 ปัจจุบันอยู่ที่ 30 ล้านลิตรต่อเดือน สูงขึ้นจาก 10 ล้านลิตรต่อเดือนในช่วงก่อนที่จะเปิดให้จำหน่าย B20 ในปั๊มน้ำมันได้
สำหรับเงินที่ใช้อุดหนุนราคาB20 นี้ เป็นเงินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลทั่วไป 20 สตางค์ต่อลิตร หรือคิดเป็นเงิน12 ล้านบาทต่อวัน โดยหากเกิดการใช้B20 ตามเป้าหมายที่ 3 ล้านลิตรต่อวัน จะเกิดการสมดุลระหว่างเงินเรียกเก็บเข้าและการนำเงินไปชดเชย ไม่ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่เดิมแต่อย่างใด แต่หากการใช้ B20ปรับสูงขึ้นกว่าเป้าหมายอาจต้องพิจารณาเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่มมากขึ้นต่อไป
นายศิริ กล่าวว่า ส่วนน้ำมันดีเซล B10(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตร) ปัจจุบันมีการทดลองใช้กับรถไฟเท่านั้น แต่อาจจะไม่ขยายผลมาส่งเสริมในรถยนต์ เนื่องจากค่ายรถยนต์ทั่วโลกยังไม่ยอมรับ ดังนั้นจึงไม่สามารถส่งเสริมให้มาจำหน่ายในปั๊มได้