บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ลุ้นได้สิทธิ์โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน หลังยื่น 6 โครงการ รวม 18 เมกะวัตต์ในพื้นที่ภาคใต้ ในขณะที่การนำเข้าLNGป้อนโรงไฟฟ้าหินกอง ปริมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี ยังอยู่ในระหว่างการเจรจา พร้อมเตรียมงบลงทุนปี 2564 จำนวน 15,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในโครงการใหม่อีก 700 เมกะวัตต์
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง ) ที่อยู่ระหว่างการประมูลในขณะนี้ โดยได้เข้าร่วมแข่งขันประมูลทั้งหมด 6 โครงการ ซึ่งมีทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ อย่างละ 3 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 18 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า ตั้งอยู่ในภาคใต้อยู่แล้ว และมีความสามารถในการจัดหาเชื้อเพลิงได้ อีกทั้งการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังได้อัตราราคารับซื้อไฟฟ้าพรีเมียมเพิ่มอีก 50 สตางค์ต่อหน่วยด้วย
“ครั้งแรกเราจะเข้าร่วมประมูล 8 โครงการ รวม 24 เมกะวัตต์ แต่เมื่อตรวจสอบสายส่งแล้ว มี 2 โครงการไม่ผ่าน ทำให้ต้องตัดออกไป 2 โครงการ ดังนั้นจึงเหลือที่ประมูลจริงเพียง 6 โครงการ ขนาดโครงการละ 3 เมกะวัตต์ ตอนนี้ก็รอขั้นตอนการประมูล และรอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศผลในเดือน ส.ค. 2564 ซึ่งตามกำหนดต้องก่อสร้างให้เสร็จใน 3 ปี หรือภายใน ธ.ค. 2567 ”
ส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาใช้กับโรงไฟฟ้าหินกองนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการนำเข้าหลายราย ซึ่งเป็นการทำคู่ขนานกันระหว่างรอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกหลักเกณฑ์ด้านราคานำเข้า LNG เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าไฟฟ้าประชาชน เบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะใช้ LNG ประมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าหินกองที่จะผลิตไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ระหว่างปี 2567 และ 2568 โดยการซื้อ LNG จะมีทั้งรูปแบบสัญญาระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยง และราคาตลาดจร (Spot) ควบคู่กันไปตามราคาที่เหมาะสม
สำหรับในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรเงินลงทุนสำหรับโครงการใหม่เน้นโรงไฟฟ้าไว้ 7,000 ล้านบาท และโครงการเดิมอีก 8,000 ล้านบาท รวม 15,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรก บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วจำนวน 3,257 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินลงทุนซื้อหุ้น 15.53% ของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และโครงการพลังงานลมเน็กส์ซีฟ เบนเตร ในเวียดนาม เป็นต้น
โดยโครงการใหม่ ยังเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงหลักในต่างประเทศ กำลังผลิตรวมไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ และโครงการประเภทพลังงานทดแทนในต่างประเทศ อีกไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ ส่วนการลงทุนในประเทศ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน รวมกำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตต่อไปอีกด้วย