กระทรวงพลังงานพร้อมชงหลักเกณฑ์ใหม่โรงไฟฟ้าชุมชน 150 เมกะวัตต์ ใช้วิธีประมูลแข่งขัน และหลักเกณฑ์การขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2564 วงเงิน 6,500 ล้านบาท เข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) 16 พ.ย. 2563 นี้
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมพร้อมเสนอ หลักเกณฑ์ใหม่ของโรงไฟฟ้าชุมชนเพี่อเศรษฐกิจฐานราก และหลักเกณฑ์การขอใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2564 ต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะเปิดการพิจารณาในวันที่ 16 พ.ย. 2563 นี้
โดยในส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ นั้น จะเสนอหลักเกณฑ์ตามที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2563 ซึ่งเป็นโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชน ขนาด 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวล 75 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย ≤ 25 %) ปริมาณ 75 เมกะวัตต์
รวมทั้งกำหนดให้เสนอขายไฟฟ้าจากชีวมวลได้ไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ส่วนก๊าซชีวภาพ ไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ซึ่งต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (SCOD) ภายใน 36 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)
ทั้งนี้จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้เสนอโครงการ สำหรับการแบ่งปันผลประโยชน์ อาทิ การให้หุ้นบุริมสิทธิ 10 % ให้กับวิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน (ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย) ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า รวมทั้งการให้ผลประโยชน์อื่น ๆ นั้น ให้โรงไฟฟ้าและชุมชนทำความตกลงกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม เช่น ด้านการสาธารณสุข ด้านสาธารณูปโภค ด้านการศึกษา เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) รายงานเพิ่มเติมว่า โรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์นั้น จะใช้วิธีประมูลแข่งขันในข้อเสนอ โดยผู้ชนะการประมูลอาจจะไม่ใช่ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด
สำหรับหลักเกณฑ์การขอสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2564 นั้น นาย กุลิศ กล่าวว่า เบื้องต้นยังคงกำหนดกรอบวงเงินไว้ที่ 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นสนับสนุนโครงการที่สร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเป็นหลัก ทั้งนี้ได้แบ่งวงเงินสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากไว้ 1,900 ล้านบาท โดยจะกระจายกรอบวงเงินให้จังหวัดละ 25 ล้านบาท สำหรับโครงการที่จะยื่นขอสนับสนุนจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารจัดสรรเงินกองทุนฯระดับจังหวัดก่อนเท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดให้ยื่นขอรับการสนับสนุนโครงการได้ประมาณเดือน ม.ค. 2564 เนื่องจากต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับผู้ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ก่อน เพราะหลักเกณฑ์ในปี 2564 แตกต่างจากปีที่ผ่านๆมา