ปั๊มน้ำมันพร้อมแล้วเปลี่ยนชื่อ”ดีเซลB10″ เป็น”ดีเซล” แล้วผู้ใช้น้ำมันพร้อมหรือยัง?
วันที่ 1 ต.ค. 2563 จะเป็นวันที่เริ่มต้นชื่อใหม่ของน้ำมันดีเซลB10 ในชื่อใหม่ “ดีเซล” ที่จะใช้ในปั๊มน้ำมันทุกแห่งตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน ส่วน “ดีเซล”ที่เคยใช้กันอยู่เดิม จะเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น ดีเซลB7 ในขณะที่ดีเซลB20 ยังคงเป็นชื่อเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กรมธุรกิจพลังงานออกมาให้ข้อมูลการใช้น้ำมัน 8 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – สิงหาคม)โดยระบุว่า
น้ำมันดีเซล หมุนเร็วธรรมดา (บี7) มีปริมาณการใช้เฉลี่ยเหลืออยู่ที่ 45.3 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 27.0 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 13.3 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ล้านลิตร/วัน
รัฐมีนโยบายให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ เพื่อปรับสมดุลสต็อคน้ำมันปาล์มในประเทศ ช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้ได้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันในราคาดี ซึ่งกลยุทธ์ที่ใช้คือ การใช้กลไกกองทุนน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันดีเซลB10 ถูกกว่า ดีเซลB7 ลิตรละ 3 บาท โดยราคาดีเซลB7 ณ วันที่ 30 ก.ย.2563 อยู่ที่ 21.59 บาทต่อลิตร และดีเซลB10 อยู่ที่ 18.59 บาทต่อลิตร ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง เพราะตัวเลขการใช้ดีเซลB7 ลดลง 27% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563
อย่างไรก็ตาม รัฐมีเป้าหมายที่จะดันยอดการใช้ดีเซล B10 ให้มีปริมาณการใช้ที่มากกว่า ดีเซล B7 คือประมาณ 50 ล้านลิตรต่อวัน จึงออกประกาศให้ดีเซลB10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน นำมาสู่กลยุทธ์ การเปลี่ยนชื่อน้ำมัน คือจาก ดีเซลB10 ก็ให้ปั๊มน้ำมันเปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ เป็น ดีเซล ส่วนดีเซลเดิม ให้เปลี่ยนเป็นดีเซลB7 ซึ่งมีการวิจารณ์กันว่า เป็นการอาศัยความเคยชินของผู้บริโภค ที่เติมดีเซล มาช่วยเพิ่มยอดการใช้ เพราะรถยนต์ดีเซลส่วนใหญ่นั้น เติมดีเซลB10 ได้อยู่แล้ว จะมีเพียงรถยนต์รุ่นเก่า และรถค่ายยุโรปเท่านั้น ที่เครื่องยนต์ไม่รองรับ ซึ่งก็สามารถเติม ดีเซลB7 ที่จะกลายมาเป็นน้ำมันดีเซลทางเลือกได้
วันนี้(29ก.ย.)ปั๊มน้ำมันหลายแห่งมีการเปลี่ยนป้ายชื่อและแจ้งบอกผู้ใช้น้ำมันดีเซล ให้ได้รับทราบถึงการเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่แล้ว ก่อนที่จะถึงวันบังคับใช้จริง 1ต.ค.2563 แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่จะยังไม่พร้อม เพราะคิดว่ามาจอดรถที่ตู้จ่ายน้ำมันดีเซล แล้วจะได้เติมน้ำมันดีเซลB7 แต่กลายเป็นว่าได้เป็นน้ำมันดีเซลB10 แทน ทำให้หลายปั๊มต้อง นำแผ่นป้ายกระดาษเขียนว่า B10 มาติดแจ้งย้ำให้ วุ่นวายพอสมควร
จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า เมื่อถึงวันเริ่มต้นเปลี่ยนชื่อดีเซลB10 เป็นชื่อใหม่ว่า ดีเซล แล้วจะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้น้ำมันให้หันมาใช้B10 ได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยถ้ายอดใช้B10 ยังไม่เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยวันละ 13.3 ล้านลิตรต่อวันอย่างมีนัยสำคัญ ก็แสดงว่า กลยุทธ์การเปลี่ยนชื่อเป็นดีเซลB10 นั้นไม่ได้ผล วันนั้น กรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นกรมต้นเรื่องการเปลี่่ยนชื่อน้ำมัน ก็อาจจะกลายเป็นตำบลกระสุนตก โดนผู้ใช้น้ำมันถล่มก็ได้ แต่ในทางกลับกัน หากกลยุทธ์การเปลี่ยนชื่อดีเซลสามารถดันยอดการใช้B10 ให้เพิ่มขึ้นได้จริง เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ก็ควรจะส่งตัวแทนมากล่าวคำขอบคุณอธิบดีกรมธุรกิจพลังงานที่ช่วยรักษาสมดุลราคาน้ำมันปาล์มเอาไว้ ไม่ให้ราคาผลผลิตตกต่ำ