50 ปีไทย-ลาว สานสัมพันธ์พลังงานมั่นยืน

1249
- Advertisment-

50 ปีสานสัมพันธ์พลังงานไทย-ลาว จากความร่วมมือเชื่อมระบบไฟฟ้าระหว่างกัน สู่เอ็มโอยูซื้อขายไฟฟ้า 9,000 เมกะวัตต์ พร้อมพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า โครงการผลิตไฟฟ้า การซื้อขายไฟฟ้า การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคนิควิชาการ และพัฒนาบุคลากรระหว่างการไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ

วันนี้ (13 ธ.ค. 2561) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดงาน “50ปี สายส่ง สานสัมพันธ์พลังงาน ลาว-ไทย มั่นยืน” ที่ริมฝั่งโขง ท่าเสด็จ  อ. เมือง จ.หนองคาย โดยมี นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย และ นายคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป.ลาว นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของ กฟผ. เข้าร่วมในงาน

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยและ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว)​ มีความสัมพันธ์ด้านพลังงานกันมายาวนานนับจากวันที่ 16 ธันวาคม 2511 ที่เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจากฝั่งไทย (จ.หนองคาย) ข้ามไปยังฝั่งลาว (นครหลวงเวียงจันทน์) ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา แห่งราชอาณาจักรลาว ณ แพปะรำพิธี กลางแม่น้ำโขง จ.หนองคาย นับเป็นครั้งแรกของอาเซียนที่มีการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าระหว่างประเทศ

- Advertisment -

โดยจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 50 ปีที่ไทยและสปป.ลาว ได้ร่วมมือเชื่อมระบบไฟฟ้าระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า การพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้า การซื้อขายไฟฟ้า การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคนิควิชาการ การพัฒนาบุคลากรระหว่างการไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ และได้ขยายการรับซื้อไฟฟ้าจาก 1,500 เมกะวัตต์ เมื่อปี 2536 เป็น 9,000 เมกะวัตต์

รวมทั้งมีการพัฒนาการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน โดยเชื่อมโยงสายส่งระหว่าง กฟผ.-รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) ทั้งหมด 6 จุด ได้แก่ ท่าแขก-นครพนม 22 kV., สะหวันนะเขด-มุกดาหาร 22 kV., โพนต้อง-หนองคาย 115 kV., บังเยาะ-สิรินธร 115 kV., ปากบ่อ-มุกดาหาร 115 kV. และท่าแขก-นครพนม 115 kV. และมีการเชื่อมโยงสายส่งไทย- สปป.ลาว เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ในสปป.ลาว เช่น โรงไฟฟ้าเทิน-หินบุน โรงไฟฟ้าห้วยเฮาะ โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าหงสา เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระบบไฟฟ้าทั่วทั้งอาเซียน (ASEAN Power Grid) โดยมีโครงการซื้อขายไฟฟ้าสปป.ลาว-ไทย-มาเลเซีย โดยสปป.ลาว ขายไฟฟ้าให้มาเลเซียผ่านระบบส่งไฟฟ้าของไทยไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ เริ่มนำร่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 36 (AMEM) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สปป.ลาว-ไทย-มาเลเซีย ได้ตกลงขยายกรอบความร่วมมือพหุภาคีโครงการซื้อขายไฟฟ้า โดยจะเพิ่มปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจาก 100 เมกะวัตต์ เป็น 300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า 4 ประเทศ จากสปป.ลาวไปสิงคโปร์ โดยผ่านระบบสายส่งของไทยและมาเลเซีย นับเป็นก้าวสำคัญของการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคนี้สามารถพึ่งพากันได้ในด้านพลังงาน และผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ.
นายคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป.ลาว

“50 ปี ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว ช่วยส่งเสริมให้ระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ
มีความมั่นคง เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และจะสานต่อความร่วมมือในการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ เพื่อพัฒนาต่อยอดให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระบบไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) เชื่อมโยงถึงกันครอบคลุมทั้งภูมิภาค ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายวิบูลย์ กล่าว

สำหรับงาน “50 ปี สายส่ง สานสัมพันธ์ พลังงาน ลาว – ไทย มั่นยืน”  จัดขึ้นในวันที่ 13 -14 ธันวาคม 2561 โดยกิจกรรมช่วงเช้าในฝั่งไทย ได้แก่ กิจกรรมนุ่งไทยใส่บาตรริมแม่น้ำโขง ที่ชุมชนตลาดท่าเสด็จ จ.หนองคาย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพิธีเปิดนิทรรศการ “50 ปี ท่าเสด็จรำลึก ดุจแสงทองสาดส่องสองฝั่งโขงมหานที” ณ ชุมชนตลาดท่าเสด็จ อ.เมือง จ.หนองคาย เพื่อรำลึกถึงรัฐพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับกิจการด้านพลังงาน รวมถึงวิถีชีวิตของประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีพิธีรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 โดยได้รับเกียรติจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ ร่วมกันขับลำนำบทสดุดีกวีรำลึก และมีกิจกรรมจากชุมชน ตลาดท่าเสด็จอีกมากมาย โดยนิทรรศการดังกล่าวจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ ระหว่างวันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2561

สำหรับในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และ ฯพณฯ ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ให้เกียรติร่วมเปิดและชมนิทรรศการ “50 ปี ความมั่นคงจากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคต” พร้อมทั้งมีการเสวนาเชิงวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “ความมั่นคงจากเสาส่งต้นแรกสู่ปัจจุบัน และอนาคตที่มั่นยืน” โดยมีผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์รัฐพิธี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2511 จากทั้งฝั่งไทยและสปป.ลาว ร่วมเสวนา ณ หอประชุมแห่งชาตินครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

Advertisment