บทความ โดย JinkoSolar
ข้อมูลศุลกากรระบุว่า การนำเข้าระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (Photovoltaic System) รวมในปี ค.ศ. 2020 มีค่ามากกว่า 500 เมกะวัตต์ โดยแบรนด์ที่มีการขนส่งอุปกรณ์สูงสุด 3 แบรนด์ในประเทศไทย ได้แก่ JinkoSolar, Trina และ JA โดยทั้งสามบริษัทมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 80% ของการนำเข้าโมดุลรวมของทั้งปี
ประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตด้านพลังงานแสงอาทิตย์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ไทยยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในฐานการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีความหลากหลายมากที่สุด จึงทำให้มีศักยภาพมหาศาลในการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งการสนับสนุนที่ดีเยี่ยมของรัฐบาลในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านมาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Feed-in-Tariffs) รวมถึงแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan: AEDP) จึงทำให้ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยถูกคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้นที่ 9.14% ในช่วงปี ค.ศ. 2019 – 2024 จากข้อมูลของศูนย์ Mordor Intelligence นอกจากนี้ ต้นทุนของระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่กำลังลดต่ำลง ยังช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยอีกด้วย
–
–
ในฐานะแบรนด์ผู้จำหน่ายโมดุลอันดับ 1 ของเมืองไทย ทำให้แผงโซลาร์ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 192 เมกะวัตต์เป็นของแบรนด์ JinkoSolar โดยคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 38.4% อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดยังมอบโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ JinkoSolar ในการเพิ่มยอดการขนส่งสินค้าในปี 2020 มากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 2019 ซึ่งผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในปี 2020 ทำให้ JinkoSolar สามารถตอกย้ำถึงความได้เปรียบที่มีนัยสำคัญจากความนิยมของแบรนด์ และความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ในตลาดเมืองไทย
ข้อมูลของสถาบันอิสระยังระบุว่า กลุ่มสินค้าแผงโซลาร์เซลล์แบบติดตั้งบนพื้นครองส่วนแบ่งมากที่สุดในตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ของไทย โดยพิจารณาจากจำนวนแผงโซลาร์เซลล์แบบติดตั้งบนพื้น ที่ได้ถูกติดตั้งไปแล้วรวมถึงโครงการในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศ ดังนั้น ด้วยจำนวนของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ระดับโซลาร์ฟาร์มซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการวางแผนและการก่อสร้าง ทำให้มีแนวโน้มว่าระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นจะมีการเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
–
–