กพช.ไฟเขียวแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 แบ่งผู้นำเข้าLNG เป็น 2 กลุ่มแบบ Regulated Market ที่ผลักภาระต้นทุนราคาก๊าซให้ผู้ใช้ไฟ และ กลุ่มที่2 Partially regulated market ให้นำเข้ามาใช้ในโรงไฟฟ้าตัวเองและขายให้ลูกค้าอุตสาหกรรม คาด Shipper รายใหม่ กัลฟ์ และ บี.กริม เริ่มนำเข้าLNGได้ไตรมาส 3 ปีนี้ พร้อมอนุมัติ ยกเลิกโครงการลงทุน FSRU ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน (F-1) ที่ป้อนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ของ กฟผ. แต่ให้ กฟผ.มาถือหุ้นคนละครึ่งกับ ปตท.ในโครงการ LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) ต.หนองแฟบ จ. ระยอง ขนาด 7.5 MTPA แทน
วันนี้ (1 เม.ย. 64) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ( สนพ.)ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
โดย ที่ประชุมได้พิจารณาวาระและเห็นชอบ แนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 โดยกลุ่มผู้จัดหาก๊าซแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1) กลุ่มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตามแนวทางที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และ กพช. กำหนด หรือ (Regulated Market) ซึ่งประกอบด้วย ผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติจาก Old Supply และ Shipper ที่จัดหา LNG เพื่อนำมาใช้กับภาคไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ ซึ่งได้แก่ ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ.)และ หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด
โดย Regulated Market ซึ่งเป็นผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติจาก Old Supply ที่มอบหมายให้ ปตท. บริหารจัดการ ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในประเทศ (รวมพื้นที่พัฒนาร่วม ไทย-มาเลเซีย : JDA) แหล่งจากเมียนมา และ LNG ที่นำเข้าตามสัญญาเดิม (5.2 ล้านตัน/ปี) ซึ่งกำหนดให้ก๊าซในอ่าวไทยจะต้องนำมาใช้ในโรงแยกก๊าซก่อนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และให้ ปตท. เปิดประมูล LNG Spot Flexible ราคาถูกกว่า Pool Gas ภายใต้กำกับ ของ กกพ. ทั้งด้านปริมาณและเงื่อนไข
การกำหนดหลักเกณฑ์สัญญาซื้อขายก๊าซจาก Old Demand (ลูกค้าอุตสาหกรรม, NGV, IPPs, SPPs, VSPPs และ กฟผ.) ให้ขายก๊าซให้แก่ผู้ใช้ก๊าซตามสัญญาและเงื่อนไขเดิม (Pool Gas) และให้ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (National Control Center: NCC) สั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตามวิธีการปัจจุบัน (must run, must take และ merit order)
• สำหรับ Shipper รายใหม่ คือ หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ที่จะจัดหาLNG มาใช้ในโรงไฟฟ้าหินกอง กำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ นั้น การจัดหา LNG ที่เป็น New Supply ให้กับโรงไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ จะอยู่ภายใต้การกำกับของ กกพ. ตามเงื่อนไขที่ กบง./กพช.กำหนด สัญญาระยะยาว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ LNG Benchmark และ กบง. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการดำเนินการสัญญา Spot ให้ไม่เกินราคา JKM adjust by freight cost* ภายใต้การกำกับของ กกพ. ทั้งด้านปริมาณและช่วงเวลา และให้ NCC สั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตาม heat rate และส่งผ่านราคาเชื้อเพลิงเข้าค่าไฟฟ้าทั้งหมด
ส่วนด้านโครงสร้างราคาก๊าซให้เป็นไปตาม กบง./กพช. กำหนด ประกอบด้วย ราคาเนื้อก๊าซ ค่าบริการสถานี LNG ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซ อัตราค่าผ่านท่อก๊าซ และอัตราค่าผ่านท่อก๊าซสำหรับ Shipper รายใหม่ ให้คำนวณเฉพาะค่าผ่านท่อบนบกเท่านั้น
สำหรับ Partially regulated market
• Shipper รายใหม่ ได้แก่ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งจัดหา LNG ให้กับโรงไฟฟ้าตนเองหรือใช้ในภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะเริ่มนำเข้าได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
ในส่วนของการดำเนินการตามแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 กำหนดให้ LNG Terminal และท่อส่งก๊าซฯ เปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้และเชื่อมต่อได้ และกำหนดให้ ปตท. แยกธุรกิจท่อเป็น TSO เป็นนิติบุคคล ให้แล้วเสร็จภายใน 15 เดือน เมื่อได้ข้อยุติเรื่องการแบ่งแยกทรัพย์สินของ ปตท. แล้ว รวมถึงให้ ปตท.
ทำหน้าที่ในการควบคุมคุณภาพก๊าซธรรมชาติและแยกก๊าซธรรมชาติ และมอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) และ ปตท. กำหนดปริมาณการนำเข้า LNG ภายใต้การกำกับของ กกพ. และให้ กกพ. บริหารความสามารถของ LNG Terminal และทบทวนความเหมาะสมของ TPA Regime และ TPA Code
ทั้งนี้ ให้ กกพ. เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการพิจารณาการดำเนินงานให้เป็นไปตามรูปแบบการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2
ที่ประชุม กพช.ยัง เห็นชอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าตามแผน PDP 2018 (Rev.1) จากศักยภาพของโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซฯ และ LNG Terminal ทั้งที่มีอยู่และที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานฯ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าในเขตนครหลวง 5,420 MW โดยให้ กฟผ. ปรับรูปแบบการลงทุนจากโครงการ FSRU ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน (F-1) ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 เป็นการร่วมลงทุนกับ ปตท. สัดส่วน 50 : 50 ในโครงการ LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) ต.หนองแฟบ จ. ระยอง ขนาด 7.5 MTPA และเห็นชอบให้ ปตท. เป็นผู้ดำเนินการโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าตามแผน PDP2018 (Rev.1) และยกเลิกสถานีเพิ่มความดันก๊าซฯ (Compressor) บนระบบท่อส่งราชบุรี-วังน้อย และโครงการสถานีเพิ่มความดันก๊าซฯ (Compressor) กลางทาง บนระบบท่อส่ง บนบกเส้นที่ 5
นอกจากนี้ยัง รับทราบการส่งออกเที่ยวเรือ LNG (Reloading) สำหรับสัญญาระยะยาวของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมอบหมายให้ กกพ. ดำเนินการนำรายได้จากการส่งออก LNG (Reloading) ที่ส่งภาครัฐประมาณ 580 ล้านบาทไปลดราคาค่าก๊าซธรรมชาติ และเห็นชอบหลักเกณฑ์การส่งออกเที่ยวเรือสำหรับสัญญาระยะยาวของ ปตท. ซึ่งมี หลักเกณฑ์ด้านปริมาณ ให้ ปตท. สามารถดำเนินการส่งออก LNG ได้ โดยต้องไม่กระทบต่อความต้องการใช้ก๊าซฯ ของประเทศ (ปริมาณสำรอง LNG หลังจากการสูบถ่ายอย่างน้อย 1 ถัง) และ หลักเกณฑ์ด้านราคา ในกรณีที่ ปตท. ส่งออก LNG ภายใต้สัญญาระยะยาว โดย ปตท. จะต้องนำส่งรายได้ระหว่างราคาขาย LNG จริง กับราคา Pool LNG เฉลี่ยรายเดือน หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้กับภาครัฐ