รัฐเตรียมจัดทำสูตรโครงสร้างราคาอ้างอิงเอทานอลใหม่ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยให้สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการศึกษาใช้เวลา 6-7 เดือน เตรียมพร้อมสู่การกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานในอนาคต
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.ได้มอบหมายให้สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ศึกษาโครงสร้างราคาพืชพลังงานทั้งเอทานอลและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์100% (B100) เพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการกำหนดราคาอ้างอิงในประเทศใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปตามคำสั่งของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ให้ สนพ.ไปศึกษาโครงสร้างราคาเอทานอล และให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)ไปศึกษาปริมาณเอทานอล เพื่อเตรียมพร้อมก้าวไปสู่การกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศในอนาคต
ทั้งนี้คาดว่าทางสถาบันปิโตรเลียมฯจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 6-7 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดทำให้การเข้าไปจัดเก็บข้อมูลทำได้ลำบากขึ้น และหากผลการศึกษาเสร็จแล้ว สนพ.จะนำมาจัดทำเป็นแนวทางโครงสร้างราคาอ้างอิงเอทานอลเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ประมาณปี 2564 นี้ต่อไป
สำหรับปัจจุบันราคาอ้างอิงเอทานอลที่ สนพ.ประกาศทุกเดือนนั้น สนพ.ใช้สูตรคำนวณตามราคาต้นทุนที่แท้จริงบวกค่าบริหารจัดการ ( Cost Plus) ซึ่งมีเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการว่า เป็นราคาอ้างอิงที่สูงกว่าการซื้อขายจริง
ดังนั้น สนพ. จึงจะมีการตรวจสอบสูตรอ้างอิงราคาเอทานอลว่าสูตรใดจะทำให้สะท้อนราคาที่แท้จริงมากกว่ากัน ระหว่าง Cost Plus หรือ ราคาที่มีการซื้อขายจริงตามท้องตลาด (Reference price) หรือ การคิดคำนวณสูตรอ้างอิงใหม่ขึ้นมาแทน เพื่อเสนอ กบง. พิจารณา
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการเห็นว่าราคาเอทานอลสำหรับนำมาทำ E20 ควรอยู่ระดับ 21-22 บาทต่อลิตรนั้น สนพ. จะต้องทำการศึกษาให้รอบคอบก่อน
โดย ณ วันที่ 29 เม.ย. 2564 ราคาเอทานอลอยู่ที่ 25.84 บาทต่อลิตร ซึ่งมีราคาสูงเมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. 2564 ที่ผ่านมาที่อยู่เพียง 24.83 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้ประกอบการชี้แจงว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาภัยแล้งในปี 2563 ส่งผลกระทบต่อผลผลิตมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การทำราคาอ้างอิงเอทานอลใหม่จะช่วยรองรับสถานการณ์การเลิกอุดหนุนราคาพลังงานทดแทน ตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้ยกเลิกการชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพภายในปี 2565 ซึ่งราคาอ้างอิงดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการซื้อขายเอทานอลตามราคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น และจะทำให้ผู้ประกอบการในระบบเกิดการแข่งขันด้านราคา ทำให้ราคาอาจถูกลงได้ เพราะปัจจุบันรัฐเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีแรงกระตุ้นในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและแข่งขันด้านราคาเท่าที่ควร
ด้านนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า จากการศึกษาปริมาณเอทานอลในปัจจุบัน ถือว่ามีเพียงพอต่อการทำ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน แต่เนื่องจากราคาเอทานอลยังสูง หากดำเนินการช่วงนี้จะไม่เหมาะสม เพราะจะทำให้ราคาน้ำมันขยับสูงขึ้นได้ ดังนั้นต้องหารือทุกฝ่ายเพื่อให้การเดินหน้า E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศ เป็นไปอย่างเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตเอทานอลอยู่ประมาณ 26 โรง กำลังการผลิตรวมประมาณ 6 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็นโรงงานเอทานอลจากมันสำปะหลัง 10 โรง กำลังการผลิต 2.2 ล้านลิตรต่อวัน, โรงงานเอทานอลจากกากน้ำตาล 11 โรง กำลังผลิต 2.66 ล้านลิตรต่อวัน และโรงงานเอทานอลแบบไฮบริดระหว่างกากน้ำตาลและมันสำปะหลังอีก 5 โรง กำลังผลิต 1.05 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้มีการใช้เอทานอลสำหรับผลิตน้ำมัน E20 อยู่ประมาณ 4-5 ล้านลิตรต่อวัน และหากกำหนดให้ E20 กลายเป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศจะทำให้มีการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 ล้านลิตรต่อวันได้
นอกจากนี้ ล่าสุดกรมธุรกิจพลังงานได้เลื่อนการประกาศให้น้ำมัน E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศ ออกไปจากปี 2565 เป็นเป็นปี 2566 แล้ว เนื่องจากต้องรอผลการศึกษาโครงสร้างราคาและปริมาณเอทานอลของ สนพ.และ พพ. รวมถึงแผนยกเลิกการอุดหนุนราคาพลังงานทดแทนของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย