รัฐมนตรีพลังงานไทย หารือทวิภาคีกับกัมพูชา ย้ำทั้งสองประเทศพร้อมเดินหน้าการเจรจาการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมบนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อไปสู่แนวทางดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในอนาคต พร้อมขอสนับสนุนเอกชนไทย และ ปตท. ขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าของกัมพูชา คาดว่าจะมีข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันได้ในเร็ว ๆ นี้ ตอกย้ำการเป็นเทรดเดอร์ด้านไฟฟ้าของไทย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือระดับทวิภาคีกับกัมพูชาในเวทีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 37 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง (ASEAN Ministers on Energy Meeting and Associated Meetings: 37th AMEM) ในวันนี้ (5 ก.ย.62) โดยกัมพูชาเป็นฝ่ายหยิบยกประเด็นพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาหารือกับไทย เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากในอดีต โดยไทยได้รับข้อเสนอของกัมพูชา และจะนำกลับมาพิจารณาเป็นการภายในก่อนว่า ประเด็นหลักที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการดำเนินการคืออะไร หากเป็นเรื่องที่สามารถหาแนวทางแก้ไขได้ ก็จะนำไปสู่การหารือร่วมกันในอนาคต
“หลักการหารือในวันนี้เป็นความประสงค์ของกัมพูชาที่อยากเห็นการเริ่มต้นการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนอีกครั้ง เพื่อให้กลับมาดำเนินการต่อไป ซึ่งวันนี้เราคุยกันเพียงขั้นตอนที่เราดูภายในของเรา ส่วนกัมพูชาก็ดูภายในของกัมพูชา ดูว่าปัญหานั้นมีแนวทางออกอย่างไร จากนั้นเมื่อเห็นแนวทางก็จะมาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง” นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับข้อเสนอโครงการซื้อขายไฟฟ้าไปยังกัมพูชานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ฝ่ายไทยเป็นผู้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือเพื่อให้เกิดการเร่งรัดในฝ่ายกัมพูชา และสามารถนำไปสู่ข้อตกลงในการขายและส่งไฟฟ้าไปยังกัมพูชาได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย โดยขณะนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เจรจากับการไฟฟ้ากัมพูชา และมีความก้าวหน้าระดับหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีการหารือความร่วมมือในการลงทุนผลิตไฟฟ้าในกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชามีปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า และอยู่ในสภาวะที่ต้องการเร่งรัดการสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศ โดยเฉพาะการใช้ก๊าซธรรมชาติของกัมพูชามาผลิตไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจจะเข้าไปลงทุนหลายราย หนึ่งในนั้นคือ ปตท. เพราะมีศักยภาพในการสร้างโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นพื้นที่บริเวณใดนั้นยังไม่มีความชัดเจน เป็นเพียงการหารือระดับรัฐมนตรีของสองประเทศในหลักการ แต่เชื่อว่าทางกัมพูชามีแผนอยู่แล้ว และเมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันจึงจะหารือในรายละเอียดของพื้นที่ และด้านอื่น ๆ ต่อไป เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกง ที่ไทยมีความสนใจจะเข้าไปลงทุน หากมีโอกาสที่จะดำเนินการได้
“ประเทศไทยตั้งใจเป็นผู้ค้าไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ และกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องการไฟฟ้าจากประเทศไทย จึงเกิดความร่วมมือที่จะดำเนินการขายไฟฟ้าไปทางกัมพูชา ซึ่ง กฟผ. จะทำความร่วมมือกับกัมพูชา และคาดว่าจะเกิดข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายในเร็ว ๆ นี้ ตอกย้ำความเป็นเทรดเดอร์ทางด้านไฟฟ้าที่เป็นนโยบายของกระทรวงพลังงานในขณะนี้” นายสนธิรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทไทยเข้าไปขยายธุรกิจทางด้านพลังงานในกัมพูชา อย่างเช่น ปตท. ที่มีแผนขยายธุรกิจพลังงานในหลายเรื่อง โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งไทยต้องการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ของภูมิภาค และยังสอดรับกับทิศทางของอาเซียนในการผลักดัน Small Scale LNG เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานร่วมกันของอาเซียน