โรงไฟฟ้าขนอมในกลุ่มเอ็กโก โมเดลโรงไฟฟ้าสะท้อนการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างเกื้อกูลและยั่งยืนมากว่า 4 ทศวรรษ

2559
- Advertisment-

ภาคใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยและมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้สูงถึง 2,624 เมกะวัตต์ (ข้อมูลความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2561 จากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ.) และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3,291 เมกะวัตต์ ในปี 2565 (ค่าพยากรณ์ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 หรือ PDP2018 Rev. 1) เพื่อตอบสนองต่อธุรกิจและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องรวมถึงอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมีโรงไฟฟ้าขนอม ในกลุ่มบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เป็นโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย ที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าภาคใต้มายาวนานกว่า 40 ปี (นับตั้งแต่โรงฟ้าขนอม หน่วยที่ 1 เดินเครื่องเชิงพาณิชย์) และปัจจุบันยังคงเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำคัญขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 มีกำลังผลิตติดตั้ง 970 เมกะวัตต์ หรือมากกว่า 1 ใน 4 ของการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้

แต่เดิมโรงไฟฟ้าขนอมเป็นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่อมาได้โอนโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 1, 2 และ 3 ให้บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ซึ่งอยู่ในกลุ่มเอ็กโก ในปี 2538 เพื่อมาดำเนินการในรูปแบบของโรงไฟฟ้าเอกชนประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่ (IPP) โดยมีกำลังผลิตติดตั้งรวม 824 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 1 กำลังผลิตติดตั้ง 75 เมกะวัตต์, หน่วยที่ 2 กำลังผลิตติดตั้ง 75 เมกะวัตต์ และหน่วยที่ 3 กำลังผลิตติดตั้ง 674 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช

โรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 1, 2 และ 3

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 1, 2 และ 3 ได้หมดอายุสัญญาการผลิตไฟฟ้าไปแล้ว แต่มีการสร้างโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2559 มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับ กฟผ. จำนวน 930 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี หรือจนถึงปี 2584

- Advertisment -

หากมองย้อนกลับไปจะพบว่า โรงไฟฟ้าขนอมแต่ละหน่วยการผลิตมีความสำคัญในแต่ละช่วงเวลาของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 1 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2522 โดยการก่อสร้างตัวเรือและโรงไฟฟ้าแบบสำเร็จมาจากประเทศญี่ปุ่น และลากจูงจากญี่ปุ่นมาติดตั้งพร้อมใช้งานที่อำเภอขนอม ระยะทาง 3,000 ไมล์ทะเล ใช้เวลาเดินทาง 18 วัน จนมาถึงไทยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2523 และนำมาติดตั้งเสร็จเมื่อ 15 ตุลาคม 2523 และจ่ายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2524 ซึ่งวิธีนี้ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 2 ปี เร็วกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าวิธีอื่น โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 1 จึงมีความสำคัญในการช่วยแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนไฟฟ้าในภาคใต้ได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้น

อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 1 นี้ ได้หมดอายุสัญญาผลิตไฟฟ้าไปแล้วเมื่อปี 2554 และปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม (Khanom Learning Center) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนด้านพลังงานไฟฟ้าและกระบวนการผลิตไฟฟ้า สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งเปิดให้เข้าเยี่ยมชมตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2562 เป็นต้นมา โดยศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนอย่างต่อเนื่อง  เช่น การจัด “นิทรรศการเสมือนจริงศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม (Virtual Exhibition)” https://www.egco.com/khanomlearningcenter/ เพื่อมอบประสบการณ์ท่องโลกเรียนรู้พลังงานไฟฟ้าแบบออนไลน์ทุกที่ทุกเวลา ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนได้จัด “มหกรรมวิทยาศาสตร์” อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ล่าสุด ได้รับรางวัลระดับประเทศ “Museum Thailand Awards 2021” ด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม และรางวัลระดับภูมิภาค “Asia Responsible Enterprise Awards 2021” (AREA 2021) ด้าน Investment In People

ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม (Khanom Learning Center)

ส่วนโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 2 ถือเป็นโครงการเร่งด่วนของ กฟผ. ที่นำเสนอไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 เพื่อสร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าในภาคใต้ และ ครม. อนุมัติให้ก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2529 โดยการติดตั้งอุปกรณ์โรงไฟฟ้ามาจากประเทศเกาหลีใต้ ทำการบรรทุกโรงไฟฟ้าบนเรือขนส่งขนาดใหญ่มายังไทย และมาติดตั้งในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 1 เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2532 มีกำลังผลิตติดตั้ง 75 เมกะวัตต์ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 2 แห่งนี้ ได้ถูกรื้อถอนออกไปแล้วเมื่อปี 2563 เพราะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559  

โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 2

สำหรับโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 3 เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก และสามารถใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรองได้ นอกจากนี้ได้ถูกออกแบบให้นำความร้อนจากไอเสียร้อนของเครื่องกังหันก๊าซทั้ง 4 เครื่อง มาเป็นพลังความร้อนในการต้มน้ำ ให้กลายเป็นไอน้ำที่มีแรงดันสูงไปขับดันเครื่องกังหันไอน้ำเพื่อเป็นต้นกำลังสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วย โดยมีกำลังผลิตติดตั้ง 674 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 3 ได้ถูกรื้อถอนออกไปแล้ว เนื่องจากหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเดือนมิถุนายน 2559

โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 3

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าขนอมผลิตไฟฟ้าต่อเนื่องมาถึงหน่วยที่ 4 แล้ว โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง 970 เมกะวัตต์ และมีสัญญาขายไฟฟ้ากับ กฟผ. จำนวน 930 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 25 ปี หรือถึงปี 2584 ซึ่งโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า โดยมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จากแหล่งผลิตในอ่าวไทย มีการวางท่อจากแหล่งผลิตมาถึงโรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม ซึ่งจะส่งต่อมาที่โรงไฟฟ้าขนอม โดยมีความต้องการใช้ก๊าซฯ สูงสุดประมาณ 230 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4

นอกจากภารกิจผลิตไฟฟ้าแล้ว โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 ยังมีเจตจำนงในการ “เป็นโรงไฟฟ้าต้นแบบในการรักษาสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน” ด้วยการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบโรงไฟฟ้าอย่างเกื้อกูล โดยมีผู้บริหารเป็นแบบอย่างในการดำเนินกิจกรรมเพื่อชุมชน ส่งผลให้การทำกิจกรรมเพื่อชุมชนเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของพนักงานทุกคนและทุกระดับขององค์กร โดยเฉพาะการจัดโครงการส่งเสริมอาชีพให้ชุมชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ “ขนอมโมเดล” ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อการสาธิตเกษตรอินทรีย์แบบ Smart Farm เพื่อสร้างวงจรการผลิตอาหารที่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้คนในชุมชนขนอม เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารร่วมกัน โครงการ “ข้าวใหม่ปลามัน” ที่สนับสนุนให้เกษตรกรนำผลผลิตทางการเกษตรที่ผลิตได้ในท้องถิ่นของตนเองมาแลกเปลี่ยนกัน ตลอดจนการจ้างงานบุคลากรในท้องถิ่นที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่

โครงการ “ข้าวใหม่ปลามัน”

ด้วยศักยภาพและความพร้อมของทำเลที่ตั้ง ซึ่งมีระบบสายส่งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของระบบส่งไฟฟ้าในภาคใต้ การมีโครงสร้างพื้นฐานด้านท่อส่งก๊าซธรรมชาติรองรับ และที่สำคัญเป็นโรงไฟฟ้าที่มีความสัมพันธ์ที่ดี ได้รับการยอมรับจากชุมชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน เอ็กโก กรุ๊ป ได้เสนอกระทรวงพลังงานให้พิจารณาบรรจุโครงการโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 ในปลายแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2022)

ตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจและการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างเกื้อกูลกว่า 4 ทศวรรษ โรงไฟฟ้าขนอมได้อยู่คู่กับภาคใต้เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้าของภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจ ชุมชนและสังคมภาคใต้ ตลอดจนประเทศไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป


อ้างอิง:

http://www.eppo.go.th/images/Infromation_service/NEWS/2018/04Apr/PDP_30-4-2018.pdf

http://www.eppo.go.th/images/Infromation_service/public_relations/PDP2018/PDP2018Rev1.pdf

Advertisment