แหล่งก๊าซฯบงกช ปิดซ่อมบำรุง 16 วัน เริ่ม 29 มิ.ย.นี้ กรมเชื้อเพลิงฯ มั่นใจก๊าซฯไม่ขาด

410
- Advertisment-

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผย แหล่งปิโตรเลียมบงกช เริ่มปิดซ่อมบำรุงพรุ่งนี้ 29 มิ.ย.-14 ก.ค. 2565 รวม 16 วัน ก๊าซฯ หาย 185 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน พร้อมขอ ปตท.สผ. ซ่อมให้เร็วขึ้นกว่าแผน มั่นใจก๊าซฯ ไม่ขาด เหตุมีการแจ้งล่วงหน้าหลายเดือนและมีเวลาเตรียมพร้อมจัดหาก๊าซฯ แหล่งอื่นในอ่าวไทยมาเสริม ขณะแหล่ง JDA เริ่มจ่ายก๊าซฯ เพิ่มให้ไทยแล้ว 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ด้าน ปตท.สผ. ตั้งทีมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด  

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า แหล่งผลิตปิโตรเลียมบงกช ในอ่าวไทยจะเริ่มปิดซ่อมบำรุงตามแผนงาน เป็นเวลา 16 วัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 29 มิ.ย.-14 ก.ค. 2565  ซึ่งจะส่งผลให้ก๊าซธรรมชาติหายไปประมาณ 185 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากกำลังผลิตทั้งหมด 870 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งการปิดซ่อมบำรุงดังกล่าวได้มีการแจ้งล่วงหน้า 3-4 เดือนที่ผ่านมา และได้เตรียมความพร้อมรองรับก๊าซฯที่จะหายไปแล้ว ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบรุนแรงต่อปริมาณก๊าซฯ ในประเทศ

อย่างไรก็ตามทาง กรมฯ ได้ขอให้ทาง บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกช ใช้เวลาในการปิดซ่อมบำรุงให้น้อยลง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยเป็นหลัก และทาง ปตท.สผ. จะมีการตั้งทีมงานติดตามเฝ้าระวังการปิดซ่อมบำรุงในครั้งนี้อย่างใกล้ชิดและรายงานให้กรมฯ ทราบอย่างต่อเนื่อง

- Advertisment -

ส่วนปริมาณก๊าซฯที่หายไป 185 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากแหล่งบงกชนี้ กรมฯ ได้ประสานผู้ผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยหลายแหล่ง เพื่อเรียกรับก๊าซฯ เพิ่มเติมมาเสริมปริมาณก๊าซฯ ของแหล่งบงกช และให้ทุกแหล่งผลิตงดการปิดซ่อมบำรุงใดๆ ในช่วงนี้ออกไปก่อน

นอกจากนี้ได้ประสานความร่วมมือกับแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(JDA) ขอรับก๊าซฯ เพิ่ม เพื่อมารองรับการปิดซ่อมบำรุงของแหล่งบงกช และรองรับกรณีแหล่งเอราวัณยังอยู่ในช่วงที่ผลิตได้ไม่เต็มศักยภาพ โดยปัจจุบัน JDA ได้ส่งก๊าซฯ เพิ่มเข้ามาให้ไทยแล้ว 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมดังกล่าว ประกอบกับการทราบแผนการซ่อมบำรุงแหล่งบงกชล่วงหน้าหลายเดือน ทำให้ทุกฝ่ายมีเวลาจัดหาก๊าซฯ รองรับแหล่งบงกชได้ และกรมฯ เชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ก๊าซฯ ของประเทศ ในช่วง 16 วันที่แหล่งบงกชปิดซ่อมบำรุงนี้ และกรมฯ จะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป   

Advertisment