นับตั้งแต่กระทรวงพลังงานเปิดรับฟังความเห็น “ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 จนถึงปัจจุบัน ร่างแผน PDP 2024 ก็ยังไม่ได้รับการบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแต่อย่างใด
โดยสาเหตุสำคัญมาจากกระทรวงพลังงานไม่สามารถกำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอย่างชัดเจนได้ในขณะนี้ เนื่องจากยังติดปัญหากรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เบรกโครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ออกไปก่อน เพื่อต้องการตรวจสอบความถูกต้องในการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 หรือ “โครงการผลิตไฟฟ้ากลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง และขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in tariff (FiT) สำหรับปี พ.ศ. 2565-2573”
ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2567 นายพีระพันธุ์ ได้ยื่นเรื่องให้ กพช. พิจารณากรณีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ส่งผลให้ กพช. มีมติให้ชะลอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ไว้ก่อน เพื่อรอให้ทางกฤษฎีกาตรวจสอบกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดให้ผู้ผลิตไฟฟ้ากลุ่มที่เคยยื่นเสนอขายไฟฟ้าสีเขียวเฟสแรก และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการไฟฟ้าสีเขียวเฟสแรก โดยให้มายื่นเสนอขายไฟฟ้าในเฟส 2 โดยจะได้รับการพิจารณาก่อน
ทั้งนี้นายพีระพันธุ์ ได้ระบุว่า โครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 เกิดขึ้นก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาบริหารงาน ดังนั้นจะต้องให้ทางกฤษฎีกาตีความก่อนว่า การเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 แบบมีเงื่อนไขนี้จะสามารถทำได้หรือไม่ หากทำได้ก็จะเปิดให้ดำเนินการต่อไป แต่หากไม่สามารถทำได้จะต้องแก้ไขกฎระเบียบใหม่หรือพิจารณาใหม่ต่อไป โดย กพช. ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ผลสรุปที่ชัดเจน
สำหรับไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 กำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 3,668.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น รอบรับซื้อไฟฟ้า 2,180 เมกะวัตต์ สำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว แต่ไม่ผ่านเข้าร่วมโครงการในเฟสแรก และส่วนรอบรับซื้อไฟฟ้าปกติที่เหลืออีก 1,488.5 เมกะวัตต์ ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าในส่วนนี้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า หากผลสรุปต้องยกเลิกขั้นตอนการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ทั้งหมด (ปัจจุบันดำเนินการมาถึงขั้นตอนสรุปได้ผู้ร่วมโครงการ 72 ราย รวม 2,145.40 เมกะวัตต์ และกำลังรอลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า) ก็จะส่งผลให้ร่างแผน PDP 2024 ต้องขยับระยะเวลาสำหรับไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่จะเข้าระบบ ซึ่งแผน PDP เป็นแผนระยะยาวกว่า 10 ปี ดังนั้นแผนจะต้องนิ่ง ไม่ควรขยับแผนบ่อยๆ และกระทรวงพลังงานจะต้องรอให้กรณีไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ดังกล่าวเกิดความชัดเจนออกมาก่อน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ในแผน PDP ฉบับใหม่นี้ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดบางส่วน จึงยังไม่มีการอนุมัติแผน PDP ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานจะพยายามให้แผน PDP ฉบับใหม่แล้วเสร็จให้ได้ภายในปี 2568 นี้ และแน่นอนว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อจากแผน PDP 2024 เป็นแผน PDP 2025 หรือ “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2568-2580” หากแผนดังกล่าวสามารถเปิดใช้ได้ภายในปี 2568 นี้
ปัจจุบันไทยยังคงต้องใช้แผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ซึ่งครอบคลุมระหว่างปี 2561-2580 โดยสรุปในแผนนี้กำหนดให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 56,433.3 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าใหม่ 93 โครงการ ปลดระวาง 25,310.00 เมกะวัตต์ สัดส่วนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเฉพาะที่เปลี่ยนไปจาก PDP 2018 คือ ถ่านหินและลิกไนต์ ลดลงเหลือ 11% และพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 21%
สำหรับระยะเวลาการจัดทำร่างแผน PDP 2024 นั้น กระทรวงพลังงานใช้เวลากว่า 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 ได้เริ่มจัดทำแผนขึ้นในชื่อว่า PDP 2022 แต่ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณา จนเข้าสู่ปี 2566 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นแผน PDP 2023 แต่ก็ยังไม่สามารถเสนอให้ กพช. พิจารณาได้ จนล่วงเลยมาถึงปัจจุบันเข้าสู่ PDP 2024 และข้ามมาสู่ปี 2568 โดยจะเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น PDP 2025 แทน
โดยสรุปร่างแผน PDP 2024 ได้พยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศช่วงปลายแผนในปี 2580 อยู่ที่ 56,133 เมกะวัตต์ และได้วางแผนจัดหาไฟฟ้าใหม่อีก 77,407 เมกะวัตต์ ( เดือน ธ.ค. 2566 มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา อยู่ที่ 53,868 เมกะวัตต์ ) และในระยะยาวจะมีกำลังผลิตที่หมดอายุและถูกปลดออกจากระบบ 18,884 เมกะวัตต์ ดังนั้นช่วงปลายแผนปี 2580 ประเทศไทยจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้น 112,391 เมกะวัตต์
แผนการจัดหาไฟฟ้าใหม่จำนวน 77,407 เมกะวัตต์ จะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่
- กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 47,251 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 34,851 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 6,300 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียขนาดเล็ก (SMR) 600 เมกะวัตต์ การรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 3,500 เมกะวัตต์ และอื่น ๆ (DR, V2G) 2,000 เมกะวัตต์
- กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรอง 12,957 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ 2,472 เมกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ 10,485 เมกะวัตต์
- กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาข้อผูกพันไปแล้ว 17,199 เมกะวัตต์
สำหรับกำลังการผลิตใหม่จากพลังงานหมุนเวียน ทั้งหมด 34,851 เมกะวัตต์ จะมาจาก พลังงานแสงอาทิตย์ 24,412 เมกะวัตต์, พลังงานลม 5,345 เมกะวัตต์, ชีวมวล 1,045 เมกะวัตต์, ก๊าซชีวภาพ 936 เมกะวัตต์, พลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ 2,681 เมกะวัตต์, ขยะอุตสาหกรรม 12 เมกะวัตต์, ขยะชุมชน 300 เมกะวัตต์, พลังน้ำขนาดเล็ก 99 เมกะวัตต์ และความร้อนใต้พิภพ 21 เมกะวัตต์ ทำให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนโดยรวมเป็น 51% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเพียง 36%
นอกจากนี้ ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยตลอดแผน PDP 2024 จะอยู่ที่ 3.8704 บาทต่อหน่วย ซึ่งต่ำกว่า PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 3.9479 บาทต่อหน่วย (หากใช้สมมติฐานเดียวกันมาคำนวณ)
สำหรับแผน PDP หรือ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan) คือสิ่งที่กำหนดว่าระบบไฟฟ้าในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในระยะเวลา 15-20 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้จัดทำเป็นแผนใหญ่ คือ แผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ที่กำกับทิศทางการพัฒนานโยบายพลังงานของประเทศ โดยจะประกอบด้วยแผนย่อย 5 แผนคือ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และ แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan)
PDP เป็นแผนแม่บทที่กำหนดการลงทุนขยายระบบไฟฟ้าในประเทศไทยว่าต้องสำรองไฟเท่าไร จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าประเภทใด จะถูกสร้างเมื่อไหร่ โดยใคร มีจำนวนกี่โรง (แต่ไม่ระบุสถานที่ก่อสร้างที่ชัดเจน) โดยวางแผนล่วงหน้า 10-15 ปี แม้ว่า PDP เป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว แต่จะมีการปรับเปลี่ยนทุกๆ 2-3 ปี ไม่ว่าจะโดยผ่านการทบทวนแผนหรือการจัดทำแผนขึ้นใหม่
สำหรับประเทศไทย ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี 2530 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า โดยใช้ชื่อว่า “แผนพัฒนาผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.” และเปลี่ยนเป็นชื่อ “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย” ในปี 2545 โดยอยู่ภายใต้การกำหนดนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกระทรวงพลังงานขึ้นในปี 2545 การจัดทำแผน PDP จึงอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน และได้จัดทำแผน PDP ชุดแรกโดยกระทรวงพลังงาน ขึ้นในปี 2547 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ หรือ PDP 2004 และต่อมามีการจัดทำแผน PDP2007 สมัย พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี PDP 2010 สมัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี PDP 2015 และ PDP 2018 สมัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ