นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” เปิดงาน 45 ปี ปตท. ชื่นชมเป็นบริษัทที่คนไทยภาคภูมิใจ โดยหนุนให้ออกไปขยายการลงทุนมากขึ้นในต่างประเทศ และเป็นพันธมิตรกับบริษัทข้ามชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทย รวมทั้งขอให้ช่วยปั้นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ให้ยกระดับเป็นเจ้าสัวน้อยที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ช่วงค่ำวานนี้ (12 ธันวาคม 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน “PTT 45th Anniversary” Ignite Life Potential ซึ่งเป็นงานเลี้ยงรับรองขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เนื่องในวาระครบรอบ 45 ปี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมี ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการ ปตท. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน ปตท. ร่วมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มีส่วนสนับสนุน ปตท. มาโดยตลอด ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
โดยนายเศรษฐา กล่าวบนเวทีช่วงหนึ่ง ว่า ปตท.เป็นบริษัทที่มีการเติบโตมาอย่างยั่งยืน เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่มีบริษัทคนไทยก้าวขึ้นไปเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกได้ โดยพิสูจน์จากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตลอด 45 ปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่เรายังคิดถึงน้อยมากสำหรับ ปตท. คือ การที่ ปตท.มีความร่วมมือกับทุกรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ในทุกๆวิกฤต โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ความสุขสบายของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
นายเศรษฐา ยังได้ให้ข้อคิดกับผู้บริหาร ปตท.ที่มาร่วมในงานด้วย ว่า ด้วยงบดุลทางการเงินของปตท.ที่แข็งแกร่งมากจึงอยากเห็นการขยายการลงทุนของ ปตท.ที่มากขึ้นในต่างประเทศ โดยทุนของคนไทย และด้วยองค์ความรู้ของคนไทย ซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกหลายประเทศที่ ปตท.สามารถไปขยายการลงทุนได้ โดยที่รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ในขณะที่การดึงการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ ที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดรับ ก็ให้ ปตท.เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร รวมทั้งอยากให้ปตท.เป็นองค์กรแห่งความหวังของคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่จะช่วยผลักดันให้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เป็นเจ้าสัวน้อย โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเข้ามาเป็นพนักงานของ ปตท. เพื่อที่คนกลุ่มนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเคียงข้างไปด้วยกันกับ ปตท.ในอนาคต
“ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยังไม่จบแค่นี้ ขอเป็นกำลังใจ แรงใจ ขอเป็นเพื่อนที่เดินไปด้วยกันในอนาคตที่สดใส ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคนให้ดีขึ้นควบคู่ไปกับ ปตท.” นายเศรษฐา กล่าวในช่วงท้ายบนเวที
ด้าน นายอรรถพล เปิดเผยว่า การก้าวสู่ปีที่ 45 ในปี พ.ศ. 2566 ของ ปตท. อาจเปรียบเทียบได้กับวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากพอที่จะเรียนรู้จากอดีตและมองถึงอนาคต มีความรับผิดชอบ และทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเคียงข้างกับคนทุกวัย ซึ่งกิจกรรมวาระพิเศษในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเสมือนตัวแทนของประชาชนทุกภาคส่วน ที่สนับสนุนการเติบโตของ ปตท. มาตลอด ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย ที่มีภารกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนแก่สังคม
“ตลอด 45 ปีของการเติบโตจนถึงวันนี้ ปตท. ขอให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่หยุดพัฒนา และยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน พร้อมกับการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อให้ ปตท. สามารถเติบโตในระยะยาวคู่กับประเทศไทยได้อย่างมั่นคง ตามวิสัยทัศน์ ‘Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต’ พร้อมเป็นกำลังสำคัญ ยกระดับอุตสาหกรรมใหม่ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย เพื่อให้ ปตท. เป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยตลอดไป” นายอรรถพล กล่าว
ในส่วนของไฮไลท์สำคัญอื่นๆภายในงาน มีการจัดนิทรรศการผลงานของ ปตท. อาทิ การพัฒนาธุรกิจก๊าซธรรมชาติ การพัฒนาธุรกิจน้ำมันจนถึง PTT Life Station การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของไทย การพัฒนา EV Ecosystem โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ และการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดความผูกพันระหว่าง ปตท. และคนไทย ในรูปแบบละครเวที และปิดท้ายด้วยบทเพลงพิเศษในวาระ 45 ปี ปตท. “เธอคือพลังของฉัน” ขับร้องโดยศิลปินระดับประเทศอย่าง เบิร์ด-ธงไชย อิ้งค์-วรันธร ที่สื่อสารมาตลอดปี 2566 เพื่อแสดงความขอบคุณคนไทยในโอกาสนี้
อนึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้จัดขึ้นในรูปแบบการจัดงานแบบ Carbon Neutral Event หรืองานปลอดคาร์บอน ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยใช้คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากกิจกรรมการปลูกป่าของ ปตท. มาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมในการจัดงาน ให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากงานเท่ากับศูนย์ จึงมั่นใจได้ว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายในแนวทางการดำเนินงาน PTT NET ZERO EMISSIONS ภายในปี ค.ศ. 2050