เผยฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเหลือเงิน 19,000 ล้านบาท ใช้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้มสะสมแล้วกว่า 13,000 ล้านบาท โดยหาก กบง.อนุมัติตรึงราคาต่อ จะทำให้เหลือเงินอุ้มทั้งก๊าซหุงต้มและน้ำมันชีวภาพต่อไปได้อีกแค่10 เดือน
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2564 จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 2564 นี้ โดย กบง.จะนัดประชุมภายในเดือนนี้เพื่อพิจารณาว่าจะต่ออายุมาตรการดังกล่าวอีกครั้งหรือไม่
โดยมีความเป็นไปได้ ที่ กบง.จะเลือกแนวทางการปรับขึ้นราคาบางส่วน หรือปรับขึ้นแบบขั้นบันได เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปัจจุบันอุดหนุน LPG อยู่เดือนละ 700 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประสบปัญหาเงินไหลออกจำนวนมาก ประมาณ 1,400 ล้านบาทต่อเดือน โดยนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันชีวภาพ ทั้ง แก๊สโซฮอล์E20, E85 ดีเซล และไบโอดีเซลB20 รวมประมาณ 700 ล้านบาทต่อเดือนและชดเชยราคา LPG อีก 700 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ปัจจุบันกองทุนเหลือเงินสุทธิประมาณ 19,000 ล้านบาท
ประกอบกับราคา LPG ตลาดโลกตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาแทบไม่ปรับลดลงเลยแม้จะเข้าสู่ฤดูร้อนก็ตาม โดยราคา LPG ตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูงถึง 539 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ส่งผลให้จำนวนเงินที่ใช้ชดเชยราคา LPG ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการชดเชยราคาLPGที่ใช้เงินสะสมแล้วกว่า 13,000 ล้านบาทซึ่งใกล้เต็มกรอบวงเงินที่อนุมัติไว้ 15,000 ล้านบาท ทำให้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมขออนุมัติ ขยายกรอบวงเงินเพิ่มอีก 3,000 - 5,000 ล้านบาท
ปัจจุบันสถานะกองทุนฯเหลือเงินสุทธิประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยหากไม่มีการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มและน้ำมันชีวภาพในระดับเดิมคาดว่าวงเงินที่เหลือจะใช้ได้อีกประมาณ 10 เดือน หรือใช้ได้ถึงสิ้นปี 2564 นี้