- Advertisment-

หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา และทำงานมาได้เกือบ 2 เดือน ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ หญิงคนแรกของ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ก็มีโอกาสได้มาพบปะสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ พร้อมขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์และอธิบายถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ พร้อมอัพเดทความคืบหน้าโครงการลงทุนที่สำคัญของ EGCO Group

ผลักดันเป้าหมาย 3 ด้าน ด้วยวิสัยทัศน์ “เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพื่อการเติบโตของ EGCO Group อย่างยั่งยืน”

ประเด็นที่น่าสนใจ ที่ ดร.จิราพร บอกผ่านสื่อมวลชนไปถึงนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย คือวิสัยทัศน์ “เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพื่อการเติบโตของ EGCO Group อย่างยั่งยืน” หรือ “Empowering for EGCO Group Sustainable Growth” โดยยังคงมุ่งสานต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจ “Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth” อย่างต่อเนื่อง

- Advertisment -

“ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group มีความมุ่งมั่นในการเสริมศักยภาพและสร้างโอกาสให้ EGCO Group เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการผลักดันเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน นั่นคือ การเพิ่มกำลังผลิตใหม่ (Capacity/Portfolio) ทั้งกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน การบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ สร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลถึงการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น (Dividend) และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท (Credit Rating) ตามมา ควบคู่กับการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (Green) ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ตามกรอบ ESG ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียและอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน” ดร.จิราพร อธิบายถึงเป้าหมายสำคัญ 3 ด้านที่จะต้องผลักดัน

Cleaner, Smarter & Stronger  

ดร. จิราพร อธิบายเพิ่มเติมถึงทิศทาง “Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth” ที่ EGCO Group มุ่งมั่นสานต่อว่า Cleaner คือ เน้นการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลักให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้ไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า การศึกษาและใช้เทคโนโลยี CCS (Carbon Capture and Storage – เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) หรือ CCUS (Carbon Capture, Utilization and Storage – เทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ) การเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใน Portfolio เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573

ส่วน Smarter เป็นการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า โดยลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่มีการเติบโตสูง เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

และ Stronger คือการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อขยายและต่อยอดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง EGCO Group มีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ (ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา) ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว พร้อมทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานให้เยาวชนผ่านศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ตลอดจนการร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและทรัพยากรธรรมชาติผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า

ครึ่งปีหลัง ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ 4S

สำหรับการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2567 นั้น ดร.จิราพร บอกว่า จะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “4S” ดังนี้

  • S แรก คือ Strengthen financial performance คือสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการเงินและการปรับปรุงอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
  • S ที่สอง คือ Select high quality projects การเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูงและมีผลตอบแทนที่ดี
  • S ที่สาม คือ Streamline portfolio and improve operation เป็นการบริหาร Portfolio และโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 40 แห่ง รวมทั้งธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • S ที่สี่ คือ Speed up projects under construction เป็นการเร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เสร็จตามแผนงาน เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ EGCO Group เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน ซึ่งมีความก้าวหน้าตามแผนงานเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 74 ต้น ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generators – WTGs) เสร็จเรียบร้อยแล้ว 50 ต้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนที่กำหนด

“การดำเนินงาน 6 เดือนหลัง มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ EGCO Group โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังผลิตใหม่และการสร้างรายได้และกำไร ได้แก่ การรับรู้รายได้จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการ Yunlin การรับรู้รายได้ของ APEX ในสหรัฐอเมริกา จากการขายโครงการและจาก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2567 การรับรู้รายได้จากการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที รวมทั้งโอกาสในการเจรจาสัญญาใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดสัญญา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567”  ดร.จิราพร กล่าวย้ำถึงปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ EGCO Group ในช่วงครึ่งปีหลัง 

สำหรับการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย ก็มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และโครงการแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 นี้ และจะทยอยแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้บางส่วนภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสเพิ่มเติมในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco

โอกาสจากธุรกิจครบวงจรตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ดร.จิราพร ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงของกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่ EGCO Group เข้าไปลงทุนว่า มีความครบวงจรตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ Upstream คือ ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค เช่น การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว “เอ็กโกระยอง (ERIE)” ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI” ในอินโดนีเซีย ต่อมา Midstream คือ ธุรกิจไฟฟ้า โดยมีโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable จำนวนรวม 42 แห่ง ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ และ Downstream คือ ธุรกิจ Customer Solutions และ Start up อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2567 กว่า 93% ยังมาจากกลุ่ม Midstream ซึ่งเป็นรากฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง หรือ Core Business แต่ในอนาคต กำไรจาก Upstream และ Downstream จะเริ่มมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น ดร.จิราพร ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของ EGCO Group ที่จะได้รับจากนโยบายการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศส่วนขยาย ที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 กำลังผลิตประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้ร่างแผน PDP 2024 และการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคต

“ในปี 2567​​ EGCO​ Group​ เตรีย​มวงเงินลงทุนไว้ประมาณ​ 3​ หมื่นล้านบาท​ โดยเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1​ พันเมกะวัตต์​ ซึ่งการลงทุนที่กำลังดูอยู่มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเลือกลงทุนในโครงการที่จะให้ผลตอบแทนสูงสุด หรือโครงการที่ต้องเข้าไปพัฒนา​ หรือโครงการที่จะเข้าไปทำ M&A ​(Mergers and Acquisitions) ​ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที ก็เป็นสิ่งที่เราสนใจ​ ทั้งนี้ ​ทิศทางการลงทุนทั้งหมดก็เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนของ​เรา​” ดร.จิราพร​ กล่าวสรุป

Advertisment