มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ที่ให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงจาก 5.99 บาทเหลือ 3.67 บาทต่อลิตร มีผลให้ราคาขายปลีกดีเซลที่หน้าปั๊มปรับลดลง จาก 31.94 บาทต่อลิตรเหลือ 29.94 บาทต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 เป็นต้นไป โดยราคาดีเซลที่ปรับลดลงทันที 2 บาทต่อลิตร ยิ่งทำให้ผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ที่รถยนต์บ้านและรถมอเตอร์ไซค์ใช้กันมากนั้น รับรู้ถึงความไม่เป็นธรรมในเชิงนโยบาย เพราะราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 40.18 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 40.45 บาทต่อลิตร แพงกว่าดีเซล เกินกว่า 10 บาทต่อลิตร ทั้งๆที่เมื่อไปดูราคาแก๊สโซฮอล์ที่หน้าโรงกลั่นในวันเดียวกัน อยู่ที่ประมาณ 25.6 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซล อยู่ที่ 28.4 บาทต่อลิตรหรือถูกกว่ากันเกือบ 3 บาทต่อลิตร
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาแก๊สโซฮอล์และดีเซลมีราคาที่แตกต่างกันมากนั้น มาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต โดยแก๊สโซฮอล์อี10 ทั้ง 91และ 95 นั้น ถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 5.85 บาทต่อลิตร ในขณะที่ภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ปรับใหม่อยู่ที่ 3.67 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ในการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กลุ่มแก๊สโซฮอล์ เก็บอยู่ที่อัตรา 2.80 บาทต่อลิตร ในขณะที่ดีเซล กองทุนน้ำมันต้องควักเงินมาชดเชยถึงลิตรละ 7.17 บาทต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกดีเซลเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
นโยบายการดูแลราคาดีเซลของรัฐบาลตั้งแต่ชุดพลเอกประยุทธ์ มาถึงรัฐบาลเศรษฐา ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อัพเดตจนถึงวันที่ 17 กันยายน 2566 ยังมีภาระหนี้อยู่ประมาณ 103,051 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม41,410 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนยังมีฐานะที่ติดลบ ที่ 61,641 ล้านบาท
รัฐบาลเศรษฐา ให้เหตุผลถึงนโยบายการดูแลราคาน้ำมันดีเซล เพราะมุ่งหวังที่จะลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ประกอบการ และลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการนั้น ได้ประโยชน์จากราคาดีเซลที่ลดลงอย่างมาก จากปีที่แล้วที่ราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ส่วนในแง่ค่าครองชีพของประชาชนยังไม่สะท้อนให้เห็นผล เพราะทั้งราคาสินค้า อาหาร ค่าโดยสาร ยังไม่ได้ปรับลดลงตามต้นทุนดีเซลที่ลดลง
สำหรับผู้ใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รับนโยบายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แล้วที่จะไปหาแนวทางการช่วยเหลือ แต่จะช่วยได้เฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่มีความเปราะบาง โดยในช่วงของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ รัฐบาลเคยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ไปดำเนินโครงการวินเซฟ ช่วยลดภาระให้กลุ่มมอเตอร์ไชค์รับจ้างในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ที่ผ่านมาการดูแลราคาดีเซล ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลแทบทุกชุดถือปฏิบัติมาตลอด โดยในมิติทางการเมืองมีด้านดีคือ การที่รัฐบาลได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน แต่ในด้านลบ คือ ผลพวงจากการตรึงราคาดีเซลเอาไว้ในระดับที่ต่ำอย่างต่อเนื่องยาวนานนั้นทำให้โครงสร้างการใช้น้ำมันถูกบิดเบือน โดยมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับการบรรทุกสินค้า หลายยี่ห้อ ผลิตรุ่นที่เติมน้ำมันดีเซลออกมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น และทำให้ยอดการใช้ดีเซลต่อวันสูงกว่า 70 ล้านลิตร
โดยโครงสร้างการใช้น้ำมันดีเซลที่บิดเบือนไป จนทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม จึงเป็นประเด็นที่รัฐควรต้องชี้แจง
–