เขียนเล่าข่าว EP.20 ผล 5 ข้อจากการตรึงราคาดีเซล

426
N4037
- Advertisment-

มี 5 ข้อน่าสนใจที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ถึงผลจากการที่รัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซล ​เอาไว้เป็นเวลานาน จึงอยากจะนำมาเขียนเล่าอธิบายไล่เรียงที่ละประเด็นดังนี้

1.กองทุนน้ำมันมีฐานะติดลบสูงสุดเป็นประวัติ​การณ์

โดยข้อมูลจากสำนักงานกองทุนน้ำมัน​เชื้อเพลิง​ ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2565 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสถานะติดลบ 125,690 ล้านบาท
ซึ่งเป็นยอดตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติ​การณ์​และยังมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเรื่อยๆเนื่องจากกองทุนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ โดย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565 นี้มีรายจ่ายสุทธิประมาณ 222 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 6,882 ล้านบาทต่อเดือน

- Advertisment -

2.สำนักงานกองทุนน้ำมัน​เชื้อเพลิง​ หรือ สกนช. ได้รับอนุมัติให้กู้เงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ สกนช.

โดยคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา อนุมัติแผนกู้เงิน และแผนชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์​ของ สกนช. โดยแผนการกู้เงินแบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 (กู้ยืม ครั้งที่ 1-2) วงเงิน 30,000 ล้านบาท จะทยอยใช้จ่ายเงินกู้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 – กุมภาพันธ์ 2566 และจะทยอยชำระหนี้ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และชำระหนี้ครบภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

ส่วนที่ 2 (กู้ยืม ครั้งที่ 3-8) วงเงิน 120,000 ล้านบาท ทยอยดำเนินการทั้งหมด 6 ครั้ง (วงเงินที่ 3-8) โดยแผนการใช้จ่ายเงินกู้ ทยอยใช้เงินกู้ (เบิกเงินกู้) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2566 และทยอยชำระหนี้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และชำระหนี้ครบภายในเดือนตุลาคม 2572

ในการกู้เงินมีการออกกฏหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ ส่วนเงินที่จะนำมาจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ย ก็จะมาจากการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนน้ำมัน โดยเฉพาะจากผู้ใช้ดีเซล

3.รัฐมีรายได้ลดลงจากการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล

รัฐเคยเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลลิตรละ 5.99 บาท แต่ช่วงแรก ตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์​ -​20 พฤษภาคม 2565 ครม.เห็นชอบให้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซล ลง 3 บาทต่อลิตร

ช่วงที่ 2 ขยายระยะเวลาออกไป จนถึง 20 กรกฏาคม 2565 และเพิ่มอัตราการลดภาษีลงไปอีกเป็น 5 บาทต่อลิตร

ช่วงที่ 3 ขยายระยะเวลาการลดภาษี​สรรพสามิต​ดีเซล ไปอีก 2 เดือน จนถึง 20 กันยายน 2565

และช่วงที่ 4 ขยายระยะเวลาการลดภาษี​สรรพสามิต​ดีเซล ต่อไปอีก 2 เดือน จนถึง 20 พฤศจิกายน 2565

ถ้าเทียบตามปริมาณการใช้ดีเซลวันละประมาณ 72 ล้านลิตร การลดภาษี 3 บาทต่อลิตรคือกระทบต่อรายได้ที่รัฐควรเก็บได้ วันละ 216 ล้านบาท หรือเดือนละ 6,480 ล้านบาทเวลา 3 เดือน คือ 19,440 ล้านบาท ส่วนการลดภาษีเป็นลง 5 บาทต่อลิตร รายได้หายไปเป็นวันละ 360 ล้านบาท มาตรการกินเวลา รวมแล้ว 6 เดือน คือรายได้หายไป ประมาณ 64,800 ล้านบาท รวมรายได้รัฐที่หายไปจากการลดภาษีคือประมาณ 84,240 ล้านบาท หรือ ตัวเลขกลมๆประมาณ 8 หมื่นล้านบาทและการอุดหนุนราคายังทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

4.ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยกรมธุรกิจพลังงาน รายงานตัวเลขการใช้น้ำมันดีเซลรอบ 8 เดือนของปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 17.6 หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 72.86 ล้านลิตร/วัน โดยเหตุผลสำคัญมา​จากเศรษฐกิจ​ที่ฟื้นตัวหลังสถานการณ์​โควิด-19​คลี่คลาย และนโยบายการตรึงราคาดีเซลเอาไว้ไม่เกิน 30 บาทและ 35 บาทต่อลิตร

5.ราคาน้ำมันตลาดโลกแพงแต่การนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศขาดดุลการค้า

ตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,028,795 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.7 เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น โดยการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 958,752 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 โดยมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 109,891 ล้านบาท/เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 99.2 สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 70,042 บาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 5,939 ล้านบาท/เดือน

ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมา สรุปย้ำให้ผู้อ่านเข้าใจอีกทีว่า ไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกแพงขึ้น แต่รัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาเฉพาะดีเซลเอาไว้ ในเพดานราคาที่ต่ำเกินไป ผลก็คือ กองทุนน้ำมันติดลบบักโกรก จากการที่ต้องควักเงินไปชดเชยเพื่อให้ราคาขายปลีกที่ผู้บริโภคใช้ต่ำกว่าต้นทุนจริง รวมทั้งยอมตัดรายได้จากภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ควรจะถูกนำไปใช้พัฒนาประเทศด้านอื่นๆ ตามมาด้วยตัวเลขมูลค่าการนำเข้าน้ำมันที่สูงเกือบร้อยละ100 จนทำให้ประเทศขาดดุลการค้า ซึ่งมีผลให้เงินบาทอ่อนค่า

การตรึงราคาให้ผู้ใช้น้ำมันพอใจ หรือเพื่อให้มีแรงกระเพื่อมทางการเมืองน้อย จึงมีต้นทุนสูงที่ต้องจ่ายคืนอย่างที่เห็น

Advertisment