ถ้าใครได้ติดตามดูราคาขายปลีกน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 เป็นต้นมา จะเห็นว่าในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์นั้น ลดลงอย่างต่อเนื่องตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นับรวมจนถึงวันที่ 26 ก.ค.ได้ 8 ครั้งคิดเป็นเงินที่ลดลงถึง 8.10 บาทต่อลิตร ก่อนที่วันที่ 28 ก.ค.65 ราคาค่อยขยับขึ้นมา อีก ลิตรละ 80 สตางค์ โดยราคาขาย ณ วันที่ 30 ก.ค. 65 แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 37.85 บาทต่อลิตร E20 อยู่ที่ 36.74 บาทต่อลิตร และ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 37.58 บาทต่อลิตร ในขณะที่ ดีเซลB7 ที่ใช้กันมากนั้น ราคายังอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ไม่ได้มีการปรับลดราคาลงมาก เหมือนแก๊สโซฮอล์
ถ้าถามว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง ทำไมผู้ค้าน้ำมันถึงลดราคาขายปลีกลงเฉพาะกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ แต่ทำไมจึงไม่ลดราคาดีเซลลงไปด้วย ก็ต้องบอกว่า ดีเซลที่ขายอยู่ในราคา 34.94 บาทต่อลิตรนั้น ( ถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ที่ปรับลดลงมาแล้ว 8 บาทต่อลิตร ) เป็นราคาขายที่รัฐยังต้องใช้กองทุนน้ำมันชดเชยราคาอยู่ลิตรละ 1.50 บาทต่อลิตร (ข้อมูลวันที่ 27 ก.ค.65)
โดยไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเห็นว่า รัฐใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยราคาดีเซล รวมเป็นเงินกว่า 91,037 ล้านบาท ( ณ วันที่ 24 ก.ค. 65 )
ในขณะที่มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงชั่วคราว 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 20ก.ย. 65 นี้
ดังนั้นการจะได้เห็นการปรับลดราคาขายปลีกดีเซลลง ก็อยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) จะพิจารณา ซึ่งหากจะให้ปรับลดลงทันที ก็ทำได้โดย การเพิ่มการชดเชยของกองทุนน้ำมัน เพื่อลดราคาขายปลีก หรือ เสนอให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตลงอีก ซึ่งทั้ง2แนวทางนี้คงจะทำได้ยาก เพราะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กองทุนน้ำมันต้องแบกรับหนักขึ้น ส่วนการเสนอลดภาษีสรรพสามิตลงอีก ก็จะยิ่งทำให้รัฐขาดรายได้มากขึ้น
และอย่าลืมว่าเมื่อถึงวันที่ 20 ก.ย.65 หากคณะรัฐมนตรีไม่ขยายระยะเวลาการปรับลดภาษีสรรพสามิตดีเซลออกไป ราคาดีเซลจะต้องปรับขึ้นทันที 5 บาทต่อลิตร ซึ่งคาดว่ารัฐอาจจะใช้วิธีเพิ่มอัตราการชดเชยจากกองทุนน้ำมันเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อราคาขายปลีกดีเซล
กว่าที่ราคาขายปลีกดีเซลจะลดลงได้ต่ำกว่า 34.94 บาทต่อลิตร ก็คงต้องรอให้ภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันเหลือศูนย์ ซึ่งจะต้องเป็นจังหวะขาลงของน้ำมันดิบในตลาดโลก จากนั้นเชื่อว่า กบน.คงใช้วิธี ปรับลดราคาขายปลีกดีเซล ควบคู่ไปกับการทยอยเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อไปใช้หนี้ที่ค้างสะสมอยู่มากกว่า 9 หมื่นล้านบาท
โดยหากผู้ค้าน้ำมันไม่เอากำไรจากผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ไปโปะส่วนของดีเซลที่ได้ค่าการตลาดต่ำ เราคงจะได้เห็นช่วงที่ราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ ต่ำกว่าดีเซล ที่ต้องตามใช้หนี้คืนกองทุนน้ำมันอย่างแน่นอน