กระทรวงพลังงาน ส่งสัญญาณ บีบค่าการตลาดดีเซลผู้ค้าเหลือ 1.40บาทต่อลิตร พร้อมใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยลิตรละ 15สตางค์ต่อลิตร แม้ราคาดีเซลจะยังไม่ทะลุเพดาน 30บาทต่อลิตร
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ในส่วนของดีเซล ในขณะนี้ อยู่ที่ประมาณ 1.40 บาทต่อลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระยะต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ผู้ค้าควรได้รับคือ 1.50-1.60 บาทต่อลิตร โดยรัฐมนตรีพลังงาน ยังคงโยบายการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปชดเชย ในอัตราลิตรละ 15 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้ราคาดีเซลหน้าสถานีบริการ อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 30บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันยังมีเงินไหลออกต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การใช้เงินกองทุนน้ำมันฯเข้าไปชดเชยราคาดีเซล นั้น เป็นการดำเนินการตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)มาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2561 ที่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลจะเริ่มลดลงจาก 29.99บาทต่อลิตร เหลือ 29.59 บาทต่อลิตร ที่ยังมีช่องว่างให้ ผู้ค้าสามารถปรับขึ้นราคาเพื่อเพิ่มค่าการตลาดได้ก็ตาม
สำหรับมติ กบง.เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2561 กำหนดให้นำเงินกองทุนน้ำมันฯไปชดเชยราคาดีเซลในอัตราไม่เกิน 30 สตางค์ต่อลิตร เฉพาะกรณีราคาน้ำมันดิบโลกไม่เกิน 80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เป็นผู้ประกาศอัตราชดเชยตามความเหมาะสม โดยในวันที่ 5 ก.ย. 2561 สนพ. ได้เริ่มประกาศราคาชดเชยที่ 15 สตางต์ต่อลิตร และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนปัจจุบัน
ด้าน หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) รายงานราคาน้ำมัน ณ วันที่ 24 ก.ย. 2561 โดยราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 78.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปสิงคโปร์อยู่ที่ 93.74 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซ์ซัส( WTI )ในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 70-75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และนักวิเคราะห์น้ำมันต่างประเทศคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจแตะระดับ 90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลช่วงปลายเดือนธ.ค. 2561 นี้ และอาจแตะ 100 เหรียญสหรัฐฯของต้นปี 2562 ได้ จากอุปทานน้ำมันดิบที่ตรึงตัวขึ้นภายหลังมาตรการที่สหรัฐฯจะคว่ำบาตรอิหร่านที่จะมีผลเดือนพ.ย. 2561 นี้