รัฐมนตรีพลังงาน แจงมติ กบง.ให้ กกพ.ไปพิจารณาค่าบริการจัดหา ค้าส่ง และขนส่งก๊าซฯทางท่อ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมด้านราคากับทุกฝ่าย เพราะสถานการณ์ประเทศเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่เกี่ยวกับรายได้ของปตท. พร้อมระบุรัฐบาลเตรียมออกแพ็คเกจด้านพลังงานกระตุ้นเศรษฐกิจเดือน ต.ค. 2563 โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ส่วนการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายที่ ปตท.นั้น ได้มอบหมายให้ ปตท. เร่งขับเคลื่อนโครงการสำคัญเพื่อดึงดูดนักลงทุนในพื้นที่ EEC และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2563 ถึงมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ไปดำเนินการพิจารณาอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติฯและทบทวนค่าบริการขนส่งก๊าซฯทางท่อให้เหมาะสมนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ให้ไปปรับราคาก๊าซขึ้นหรือปรับลง และไม่เกี่ยวกับเรื่องผลกระทบรายได้ของปตท. แต่ที่ต้องทบทวนเนื่องจากกระทรวงพลังงานเห็นว่าปัจจุบันสถานการณ์หลายอย่างในประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก ปริมาณการซื้อขาย ก๊าซฯลดลง จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 จึงให้ กกพ.ไปทบทวนค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซรวมถึงค่าบริการขนส่งก๊าซฯทางท่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ประกอบกับเป็นหน้าที่ของ กกพ.ต้องทบทวนอัตราค่าบริการดังกล่าวตามรอบปีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันถึงรอบที่ต้องทบทวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมด้านราคา ความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ และประชาชนได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมต่อไป
ส่วนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลจะมีแพ็กเกจออกมาในเดือน ต.ค. 2563 นี้ พร้อมกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคพลังงานด้วย เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ต้องรอให้แผนพลังงาน 4 แผนผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ก่อน โดย 4 แผน ประกอบด้วย 1.แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2561-2580 หรือ PDP2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 2.แผนอนุรักษ์พลังงาน(EEP) 3.แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(AEDP) และ4. แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ(Gas Plan )
สำหรับการตรวจเยี่ยมบริษัท ปตท.ในครั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ปตท.เร่งขับเคลื่อนโครงการสำคัญเพื่อดึงดูดนักลงทุนมาในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากเป็นพื้นที่ฐานการผลิตของ ปตท. รวมทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่จัดทำไว้แล้วเพื่อรองรับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้นักลงทุนหลายรายให้ความสนใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับหลายประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท.มีแผนลงทุนในปี 2563 จำนวน 2 แสนล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้ายังมีแผนลงทุนอีก 9 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่ม ปตท.จะเป็นกำลังของประเทศในการเดินหน้าทางด้านเศรษฐกิจหลังไทยประสบปัญหาโควิด-19
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า มติ กบง.ที่จะให้ กกพ.มาดำเนินการทบทวนค่าบริหารจัดการ ก๊าซฯ นั้น ทาง ปตท.พร้อมให้ความร่วมมือ หาก กกพ. ต้องการคำชี้แจงหรือข้อมูลใดๆ ซึ่งขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะกระทบรายได้ด้านก๊าซฯ ต่อปตท. หรือไม่ คงต้องใช้เวลาในการหารือและให้ข้อมูลกับ กกพ.ก่อน
ส่วนแผนการลงทุน 2 แสนล้านบาท ในปี 2563 ของกลุ่ม ปตท.นั้น เป็นงบที่ดำเนินการมาตลอดตั้งแต่ต้นปี 2563 และระยะเวลาที่เหลืออีก 3 เดือนจากนี้ ปตท.มั่นใจว่าจะมีการใช้เงินได้ตามแผนงานแน่นอน ส่วนแผนการลงทุน 5 ปี(2563-2567)ของปตท.มีกรอบวงเงิน 9 แสนล้านบาท แต่จะมีการปรับแผนดังกล่าวในทุกปีด้วย