สหภาพฯ กฟผ. ออกแถลงการณ์ขอให้บรรจุโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ ในแผน PDP 2024

807
- Advertisment-

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( สร.กฟผ.) ได้ออกแถลงการณ์ขอให้บรรจุ “โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี” ไว้ในแผน PDP 2024 ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการถอดโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ขนาด 1,400 เมกะวัตต์ ออกจากแผน PDP 2018 ด้วยเหตุผลต้นทุนค่าก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติสูง ไม่คุ้มค่าการลงทุนและมีผลกระทบกับค่าไฟฟ้า ยืนยันควรสร้างเพื่อความมั่นคงของไฟฟ้าภาคใต้

นางณิชารีย์  กิตตะคุปต์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( สร.กฟผ.) ได้ออกแถลงการณ์ขอให้บรรจุ “โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี” ไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580  (PDP 2024) โดยระบุว่า ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) ปี 2555 – 2573 ซึ่งจัดทำเป็นร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฯ ขึ้น แต่จะมีการถอดถอนโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ขนาด 1,400 เมกะวัตต์ ออกจากแผน PDP 2018 โดยให้เหตุผลว่าต้นทุนค่าก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติสูงไม่คุ้มค่าการลงทุนและมีผลกระทบกับค่าไฟฟ้า อีกทั้งยังมีสายส่ง 500 เควี ที่มีความมั่นคงอยู่แล้วนั้น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลดังกล่าว และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.กฟผ. ได้ทบทวนการออกแบบโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีใหม่แล้ว สามารถดำเนินการได้เองทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดหาเชื้อเพลิง, การวางท่อก๊าซและการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยมีต้นทุนโครงการที่ไม่เกินกรอบค่าไฟฟ้าที่กำหนด จึงเห็นควรให้ กฟผ. ได้มีโอกาสในการดำเนินการโครงการนี้ต่อไป

- Advertisment -

2.ปัจจุบันภาคใต้มีความเจริญเติบโตทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอื่นสูงขึ้น และในอนาคตจะมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ เพื่อดูแลความมั่นคงและตอบสนองเหตุวิกฤตในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีกว่าการพึ่งพาจากระบบส่งไฟฟ้า

3.แม้ว่าจะมีสายส่งขนาด 500 เควี รองรับเพียงพออยู่แล้ว แต่จากสภาพความเป็นจริงสายส่งมีโอกาสเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยจากภัยธรมชาติและเหตุที่ควบคุมไม่ได้ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้ไฟดับได้ทันทีและตลอดเวลา ขณะที่กำลังการผลิตรวมของโรงไฟฟ้าภาคใต้ใกล้เคียงความต้องการการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ มีความเสี่ยงสูงมากหากสายส่งขัดข้องจากเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ และหรือโรงไฟฟ้าหยุดเดินเครื่อง ก็จะกระทบต่อระบบไฟฟ้าในภาพรวมของภาคใต้ได้ อันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้เหมือนกับในปี 2556 ที่ผ่านมา จนทำให้ประชาชน ตลอดจนภาคธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบและเสียหายอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ จากแผน PDP 2018 Rev.1 ซึ่งได้บรรจุโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า กำลังการผลิตภาคใต้ไม่สามารถรองรับเหตุสุดวิสัยจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (N-1) ได้ ดังนั้น ต้องพึ่งพากำลังการผลิตไฟฟ้าจากภาคกลางผ่านสายส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงระหว่างภาค เพื่อรักษาความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต้จึงจำเป็นต้องจัดสรรให้มีโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี

4.ปัจจุบันโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพื้นที่ใกล้เคียง จนมีฉันทามติให้ก่อสร้างได้เรียบร้อยแล้ว และผ่านความเห็นชอบจาก คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (คชก.) แล้วด้วย

ดังนั้น สร.กฟผ. ในฐานะองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อปกป้อง พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน การสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงเป็นหน้าที่โดยตรงของ กฟผ. ประกอบกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) ปี 2555 – 2573 ได้กำหนดไว้ชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการจัดสรรโรงไฟฟ้าหลักเพิ่มเติม เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในแต่ละภาค โดยให้ลดการพึ่งพากำลังผลิตจากภาคอื่น ให้แต่ละภาคมีความมั่นคงจากกำลังผลิตของภาคตนเองเป็นอันดับแรก โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ที่มีขนาดกำลังการผลิตสุทธิ 1,400 เมกะวัตต์ จึงมีความจำเป็นและเหมาะสมตามแผน PDP 2018 อย่างยิ่ง สร.กฟผ. จึงขอแสดงเจตนารมณ์เพื่อขอให้คงไว้และคัดค้านการพิจารณาถอดถอนโครงการดังกล่าว ทั้งที่มีความจำเป็นด้านความมั่นคงและสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้

Advertisment