สนพ.คาดราคาน้ำมันดิบปี 2566 ทรงตัวระดับ 81-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

1640
- Advertisment-

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประเมินราคาน้ำมันดิบปี 2566 อยู่ระดับ  81-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดการณ์การใช้พลังงานทั้งปี โต 2.8% ส่วน 4 เดือนแรกปี 2566 ยอดใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 0.4% ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เตรียมปรับตัวเลขคาดการณ์ใช้พลังงานปี 2566 อีกครั้ง  หลังจบครึ่งแรกของปี 2566

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ. คาดการณ์แนวโน้มการใช้พลังงานปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 2.8% อยู่ที่ระดับ 2,047 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือ มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ตามทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งความต้องการการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สนพ.เตรียมประเมินคาดการณ์ภาพรวมการใช้พลังงานในปี 2566 ใหม่อีกครั้ง หลังได้ข้อมูลตัวเลขการใช้พลังงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 นี้

ทั้งนี้ สนพ.คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ จะอยู่ระหว่าง 81-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน จะอยู่ระหว่าง 96-105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล จะอยู่ระหว่าง 91-98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

- Advertisment -

สำหรับสถานการณ์พลังงานในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 พบว่าการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.8% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้น 0.4% โดยเพิ่มขึ้นมาจากการใช้น้ำมันสำเร็จรูป 3.8% ผลมาจากการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้น้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มถึง  89.1% และน้ำมันเบนซิน  6.2% ในขณะที่พลังงานอื่นๆ มีการใช้ลดลง โดยการใช้ลิกไนต์/ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 8.9% ซึ่งสถานการณ์พลังงานรายเชื้อเพลิงในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 สรุปได้ดังนี้

การใช้น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 4.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน LPG (ไม่รวมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี) และน้ำมันเตา  89.1% , 6.2%, 2.8% และ 2.4% ตามลำดับ ส่วนการใช้น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล ลดลง 34.2% และ 3.4% ตามลำดับ โดยการใช้น้ำมันดีเซลลดลง 3.4% อยู่ที่ระดับ 75 ล้านลิตรต่อวัน การใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ เพิ่มขึ้น 6.2% อยู่ที่ระดับ 31 ล้านลิตรต่อวัน สำหรับการใช้น้ำมันเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 88.8% อยู่ที่ระดับ 14 ล้านลิตรต่อวัน ด้านน้ำมันเตา เพิ่มขึ้น 2.4% อยู่ที่ระดับ 6 ล้านลิตรต่อวัน

การใช้ LPG โพรเพน และบิวเทน ลดลง 3.0% อยู่ที่ระดับ 17.4 พันตันต่อวัน โดยการใช้ LPG เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งมีสัดส่วนการใช้สูงสุดคิดเป็น  41% มีการใช้ลดลง 12.7%  รองลงมาภาคครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนการใช้คิดเป็น  33% มีการใช้ลดลง 1.1% ภาคขนส่งมีสัดส่วน 14% มีการใช้ เพิ่มขึ้น 8.6% ภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วน 11% มีการใช้ เพิ่มขึ้น 5.0% ในขณะที่การใช้เอง ซึ่งมีสัดส่วน 1% มีการใช้ เพิ่มขึ้น/ลดลง  43.2%

ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL) ลดลง 3.8% อยู่ที่ระดับ 4,208 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยลดลงจากการใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าในโรงงาน และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ 13.1% ,  2.0 % และ 1.3% ตามลำดับ ในขณะที่การใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) เพิ่มขึ้น 6.3%

ส่วนการใช้ ถ่านหิน/ลิกไนต์ ลดลง 2.9% อยู่ที่ระดับ 5,265 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (KTOE) จากการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง 8.9% และการใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 4.3% โดยสัดส่วนการใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ในประเทศไทยอยู่ที่ 80/20 ซึ่ง 51% ของการใช้ถ่านหินอยู่ในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ 96% ของการใช้ลิกไนต์เป็นการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ด้านการใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 0.4% มีการใช้รวมทั้งสิ้น 64,285 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ และอื่นๆ สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าลดลง ปัจจัยหลักจากการผลิตเพื่อการส่งออกที่ลดลง  ส่วนการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 3.7% และการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน ลดลง 0.4% ทั้งนี้ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้าของปี 2566 (ในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2566) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 เวลา 14:28 น. อยู่ที่ระดับ 33,623 เมกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้าของปีก่อน

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (มี.ค.–มิ.ย. 66) พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ อยู่ในระดับ 77.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ในระดับ 93.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับ 94.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

Advertisment