สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) คาดปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018)เสร็จใน3 เดือน เน้นปรับรายละเอียดไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ให้สอดคล้องแผน AEDP และนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน พร้อมเร่งศึกษาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้เหมาะสม ตามข้อสั่งการรัฐมนตรีพลังงาน
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) ตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า สนพ.จะเร่งดำเนินการปรับปรุงแผนให้เสร็จภายใน 3 เดือน คือภายในเดือนมกราคมหรือต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2563 โดยได้มีการหารือเบื้องต้นกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) แล้ว ว่าจะเป็นการปรับแผนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน ตามนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งจะเป็นการปรับลดการผลิตไฟฟ้าจากส่วนของโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่กำหนดไว้ 10,000เมกะวัตต์ มาเพิ่มเป็น ไฟฟ้าจากชีวมวล ชีวภาพ จากน้ำเสียและพืชพลังงาน มากขึ้น ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร จะต้องรอให้พพ.ซึ่งรับผิดชอบการจัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือแผน AEDP กำหนดตัวเลขออกมาให้ชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของการผลิตไฟฟ้าที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจะไม่ปรับเปลี่ยนอะไรมาก ยกเว้น กรณีของโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีโรงใหม่ 2โรง รวม1,400เมกะวัตต์ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ที่ รัฐมนตรีพลังงาน สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เร่งรัดการก่อสร้างให้เร็วขึ้น จึงต้องสอบถามกับทาง กฟผ.ว่าจะดำเนินการได้หรือไม่และภายในปีใด โดยต้องคำนึงถึงแผนการจัดวางท่อส่งก๊าซ มาที่โรงไฟฟ้าด้วย
นายวัฒนพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า สนพ.ยังได้ศึกษาการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้มีความเหมาะสม สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชน ตามข้อสั่งการของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อย่างไรก็ตาม โครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นนั้นเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เช่น ภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ต้องทำความเห็นมาประกอบร่วมด้วย คาดว่าจะสรุปแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ภายในเดือน พ.ย.2562 นี้
