รัฐมนตรีพลังงาน ลงนามประกาศตั้ง “คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม” ชุดใหญ่ 39 คน จากภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชน โดยมอบหมายให้ปลัดพลังงานเป็นประธาน เพื่อให้ระดมความเห็นจัดทำข้อเสนอแนะโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซฯ ให้เหมาะสม เป็นธรรมกับประเทศไทย และ รายงานรัฐมนตรีพลังงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมนัดประชุมนัดแรกและเปิดแถลงข่าวสื่อมวลชน 21 พ.ย.2562นี้
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center -ENC) รายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงนามประกาศคำสั่งกระทรวงพลังงาน ที่43/2562 ลงวันที่ 20 พ.ย. 2562 เพื่อ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม จำนวน 39 คน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและแผนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับต่างๆ และเป็นไปตามที่กลุ่มประชาชนได้ขอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติให้เป็นธรรม
โดยคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ทั้ง39คน นั้นมี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และคณะทำงานประกอบด้วย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(ปฏิบัติงานกระทรวงพลังงาน) เลขานุการรัฐมนตรีพลังงาน โฆษกกระทรวงพลังงาน รองปลัดกระทรวงพลังงานที่ได้รับมอบหมาย อธิบดีจากทุกกรมของกระทรวงพลังงาน,ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน, ผู้แทนจากกรมการค้าภายใน, ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง
รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง นายพรายพล คุ้มทรัพย์,นายมนูญ ศิริวรรณ,นายคุรุจิต นาครทรรพ,นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล,นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์,นายเทียนไชย จงพีร์เพียง, ส่วนผู้แทนภาคประชาชน มีจำนวน15คน อาทิ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี,น.ส.รสนา โตสิตระกูล,นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ,นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา นายประสาท มีแต้ม นายวิวัฒน์ชัย อัตถากร และ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และผู้ค้าน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับคณะทำงานดังกล่าวจะมีอำนาจหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูล ศึกษาวิเคราะห์ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซฯ ให้เหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับภาวะตลาดน้ำมันของประเทศในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีอำนาจเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพิจารณา รวมทั้งรวบรวมหรือชี้แจงเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม และต้องรายงานผลการดำเนินงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทราบเป็นระยะ ต่อไปอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การตั้งคณะทำงานดังกล่าว ถือเป็นการรวบรวมแกนนำสำคัญที่มีบทบาทในกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS ) และกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.) ที่ถือเป็นคู่ขัดแย้งทางแนวคิดด้านพลังงานในหลายเรื่องก่อนหน้านี้ มาอยู่ในคณะทำงานชุดเดียวกัน