สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ประกาศปรับลดเงินชดเชย LPG ลงอีกเหลือ 2.14 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาจำหน่าย LPG ยังคงอยู่ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2568 พร้อมกำหนดให้โรงแยกก๊าซฯ ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 5.97 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ราคา LPG โลกอยู่ที่ระดับ 610 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนบัญชี LPG ยังมีเงินไหลเข้า 20 ล้านบาทต่อวัน แต่ภาพรวมบัญชี LPG ยังติดลบรวม -46,120 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า นางไพลิน ฟุ้งเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการเงินและบัญชี และในฐานะรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ลงนามเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2568 ประกาศ “การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุน อัตราเงินชดเชย อัตราเงินคืนจากกองทุน และอัตราเงินชดเชยคืนกองทุนสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)” โดยกำหนดเปลี่ยนแปลงเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในบัญชี LPG ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป
สำหรับประกาศดังกล่าวได้กำหนดให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ LPG ที่ผลิตในประเทศเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิง ในอัตรา 5.9754 บาทต่อกิโลกรัม โดยปรับลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ 6.2472 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ไม่รวมถึง LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯของ บริษัท ปตท. สผ. สยาม จำกัด อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร และ LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) อ.กงไกรลาศ จ. สุโขทัย
อย่างไรก็ตามให้ บริษัท ยูเอซี โกลบอลฯ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ในอัตรา 4.4273 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากเดิมที่กำหนดให้ส่งเข้า 4.6991 บาทต่อกิโลกรัม
พร้อมกันนี้ได้ปรับเงินชดเชยราคา LPG ลดลงเหลือ 2.1472 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมชดเชยอยู่ 2.4190 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ไม่รวม LPG จากการแยกก๊าซฯ ที่ซื้อหรือได้จากรัฐ ผู้รับสัมปทาน หรือผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) โดยโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท. สผ.สยาม จำกัด โดยราคาขายปลีก LPG ยังคงเท่าเดิมที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ถึง 31 มี.ค. 2568 หลังจากนั้นต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาต่อไป
รวมทั้งยังกำหนดเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับ LPG ที่ซื้อหรือได้มาจากโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท. สผ. สยาม จำกัด ในอัตรา 4.6671 บาทต่อกิโลกรัม (เท่าเดิม)
ส่วนกรณี LPG ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 และได้รับเงินชดเชยจากกองทุนฯ แล้ว ให้ส่งเงินชดเชยคืนกองทุนฯ 2.1472 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากเดิมที่กำหนดให้ส่งเข้า 2.4190 บาทต่อกิโลกรัม
โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ บัญชี LPG โดยภาพรวมยังติดลบอยู่ -46,120 ล้านบาท โดย กบน. กำหนดกรอบวงเงินสำหรับอุดหนุนราคา LPG ได้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ปัจจุบันกองทุนฯ มีเงินไหลเข้าจาก LPG ลดลงเหลือ 20 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 600 ล้านบาทต่อเดือน) จากเดิมมีรายได้เข้า 49.84 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 1,495 ล้านบาทต่อเดือน) ขณะที่ราคา LPG โลกเดือน มี.ค. 2568 อยู่ที่ระดับ 610 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
สำหรับประกาศดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่กำหนดนโยบายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารกองทุนฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อรับความเสี่ยงกรณีเกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงดังนี้
1.มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้นทุนการจัดหาจากโรงแยกก๊าซฯ ,ต้นทุนโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และต้นทุนโรงแยกก๊าซฯ ของบริษัท ยูเอซี โกลบอลฯ มีราคาสูงกว่านำเข้า 2.มีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคา LPG ในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงใน 2 สัปดาห์ เฉลี่ยมากกว่า 35 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน 3. มีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคา LPG ในประเทศเปลี่ยนแปลงใน 2 สัปดาห์ รวมกันมากกว่า 1 บาทต่อกิโลกรัม และ 4. มีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาขายปลีก LPG ในประเทศสูงขึ้นในระดับเกินกว่า 363 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ทั้งนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนหรือชะลอการขาดแคลนในประเทศ เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ