รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เผยผลหารือค่ายรถยนต์ วันนี้(10เม.ย.2562) ฝั่งค่ายยุโรปยังไม่พร้อมใช้น้ำมันไบโอดีเซล B10 ในขณะที่ค่ายญี่ปุ่นยืนยันรถกระบะบางรุ่นใช้ได้ ดังนั้นเบื้องต้นจะให้ผู้ค้าแต่ละปั๊มพิจารณาจำหน่าย B10 เป็นน้ำมันทางเลือกก่อน เพื่อรอให้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์(B100)ปรับคุณภาพน้ำมันให้เป็นมาตรฐานสากลก่อน คาดนำร่องได้ ต้นเดือน พ.ค. 2562 นี้ พร้อมเตรียมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ปลายเดือนเม.ย. 2562 เพื่อหารือมาตรการจูงใจให้ส่วนลดราคาB10 ยอมรับทำทุกทางแล้วแต่ราคาปาล์มยังต่ำเพียง 1.95-2.30 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าของวันนี้(10 เม.ย. 2562)ได้หารือกับทุกค่ายรถยนต์เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B10(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตร) ให้กลายเป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ จากปัจจุบันที่ไทยใช้ดีเซลฐานที่ B7(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 7% ในทุกลิตร) โดยค่ายรถยนต์ยุโรปได้แจ้งว่ายังไม่พร้อมเปลี่ยนมาใช้B10 ในขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นยืนยันว่ารถกระบะบางรุ่นสามารถใช้ B10 ได้
ดังนั้นเบื้องต้นกระทรวงพลังงานจะให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นเพียงน้ำมันทางเลือก และให้น้ำมันดีเซล B7 เป็นดีเซลฐานของประเทศต่อไป จนกว่าผู้ค้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์100% (B100)จะสามารถปรับปรุง B100 ให้เกิดความบริสุทธิ์ตามมาตรฐานสากลได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ค้า B100 จำนวน 2 รายเท่านั้นที่ผลิตได้มาตรฐานสากล คิดเป็น 20-25% ของกำลังการผลิต B100 ทั้งหมด และกรมธุรกิจพลังงานจะเร่งหารือกับผู้ผลิต B100 ภายในเดือนเม.ย. 2562 นี้
โดยมาตรฐาน B100 สากล คือมีปริมาณโมโนกลีเซอไรด์ ไม่เกิน 0.4% จากปัจจุบันไทยกำหนดไว้ไม่เกิน 0.7% และมีค่าน้ำ(Water Content) ไม่เกิน 200 ppm จากปัจจุบันไทยกำหนดไว้ไม่เกิน 300 ppm
เบื้องต้นคาดว่าปั๊มน้ำมันจะเริ่มนำร่องจำหน่าย B10 เป็นน้ำมันทางเลือกได้ประมาณเดือน พ.ค. 2562 นี้ และในอนาคตหาก B100 ปรับปรุงคุณภาพได้ตามมาตฐานสากลแล้ว ทางกระทรวงพลังงานจะประกาศให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ และให้น้ำมัน B7 เป็นน้ำมันทางเลือกแทนต่อไป
นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ช่วงปลายเดือนเม.ย.2562 นี้ จะมีการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ และพิจารณามาตรการจูงใจด้านราคา ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสนอให้ราคา B10 ถูกกว่า B7 อัตรา 1 บาทต่อลิตร ซึ่งจะต้องหารือในที่ประชุม กบง.ต่อไป
นายศิริ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงานได้พยายามเร่งรัดการใช้น้ำมันปาล์มดิบ(CPO)มาโดยตลอด ทั้งการผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20%ในทุกลิตร) กับรถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ และล่าสุดรถกระบะ รวมถึงการเตรียมความพร้อมใช้น้ำมันดีเซลฐาน B10 อีกทั้งเร่งรัดการเก็บสต๊อก CPO สำหรับนำไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าบางปะกง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 1.6 แสนตัน ซึ่งรวมแล้วใช้ CPO ไปเกือบ 2 ล้านตัน แต่ราคาผลผลิตปาล์มก็ยังไม่ปรับขึ้นตามเป้าหมายที่ 3-3.20 บาทต่อกิโลกรัม โดยปัจจุบันอยู่ระดับ 1.95-2.30 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ทางกระทรวงพลังงานจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ติดตามหาสาเหตุต่อไป และพิจารณาว่ามาตรการที่ดำเนินการอยู่เพียงพอหรือไม่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้ได้ราคาผลผลิตปาล์มสูงขึ้น