กระทรวงพลังงานเผยตัวเลขความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้ไฟฟ้า ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากวิกฤตโควิด -19 โดยประเมินการใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งปี 2563 ลดลงกว่า12% หรือ 557 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน การใช้ไฟฟ้าลดลง 0.69% ส่วนน้ำมันกลุ่มเบนซินเทียบตัวเลข4เดือน (ม.ค.-13 เม ย.2563 ) กับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงถึง17.5% และดีเซล ลดลง12.3%
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่มีต่อภาคพลังงานพบว่า ในระยะสั้นส่งผลต่อความต้องการใช้พลังงานลดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นผลมาจากการกำหนดมาตรการที่จำกัดการเดินทาง การกำหนดระยะห่างทางสังคม และการระงับการโดยสารทางอากาศ ส่วนผลกระทบในระยะกลาง จะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง โดยเฉพาะความต้องการใช้ไฟฟ้า
ในภาพรวมการใช้ไฟฟ้า ช่วงเดือน ม.ค.- 13 เม.ย. 2563 มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นเพียง 1.55% ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2563 ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลง 0.69% เมื่อเทียบกับปี 2562 คือเหลือเพียง 196,873 ล้านหน่วย จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 197,873 ล้านหน่วย และความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีคไฟฟ้าจะลดลง 2.9% เหลือเพียง 29,957 เมกะวัตต์ จากเดิมที่คาดว่าจะพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 30,853 เมกะวัตต์
ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ความต้องการใช้ช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) 2563 มีแนวโน้มลดลง โดยการใช้น้ำมันเบนซินลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปี 2562 ซึ่งเมื่อเทียบการใช้ในเดือน เม.ย. กับ มี.ค.2563 มีปริมาณลดลงถึง 17.5% ส่วนน้ำมันดีเซลแม้ว่าช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่เมื่อเทียบเดือนเม.ย.ที่ผ่านมากับเดือนมี.ค.ก่อนหน้า ปริมาณการใช้ดีเซลก็ลดลงถึง 12.3%
สำหรับก๊าซธรรมชาติ ความต้องการใช้ช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) 2563 อยู่ระดับคงที่ประมาณ 4,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทั้งนี้ คาดว่าตั้งแต่ เม.ย. จนถึงสิ้นปี 2563 ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเมื่อเทียบกับแผนเดิมจะมีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยประมาณ 557 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือลดลง 12% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันในตลาดโลก ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ลดลงส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากความต้องการใช้ที่ลดลงของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ (GSP) ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่ 254 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่ 152 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และภาคไฟฟ้า ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่ 126 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
อย่างไรก็ตาม นายสนธิรัตน์ ได้สั่งการให้ผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเตรียมงานและมาตรการต่างๆ ออกมารองรับและช่วยเหลือประชาชนในด้านพลังงานในทุกมิติ และทุกแง่มุมซึ่งจะทำทั้งในช่วงเวลานี้และในช่วงหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 จบสิ้นลงแล้ว โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม