ร้อนจัด! ไทยใช้ไฟฟ้าพุ่ง ทุบสถิติพีคไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 35,830 เมกะวัตต์ ช่วงค่ำ 22 เม.ย. 2567

743
- Advertisment-

อากาศร้อนจัด ไทยใช้ไฟฟ้าพุ่งทำลายสถิติพีคไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว ในช่วงค่ำของวันที่ 22 เม.ย. 2567 เวลา 20.58 น. เกิดพีคไฟฟ้าสูงสุดในระบบของ 3 การไฟฟ้าถึง 35,830 เมกะวัตต์ และยังเป็นพีคไฟฟ้าสูงสุดรอบที่ 8 ของปี 2567 ด้วย ท่ามกลางอุณหภูมิสูงสุดถึง 42 องศาเซลเซียส เกินกว่าคาดการณ์ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ที่ประเมินพีคไฟฟ้าสูงสุดไว้ที่ 35,000 เมกะวัตต์ ชี้หากอากาศยังร้อนสะสมต่อเนื่องอาจเกิดพีคไฟฟ้าทำลายสถิติเป็นประวัติการณ์อีกรอบได้  

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า จากข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยที่รายงานโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ที่ได้รวบรวมข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) พบว่าช่วงค่ำของวันที่ 22 เม.ย. 2567 เวลา 20.58 น. ประเทศไทยเกิดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 35,830 เมกะวัตต์ ซึ่งทำลายสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศไปแล้ว

โดยการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ดังกล่าว ถือเป็นสถิติใหม่ที่ทำลายสถิติยอดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีคไฟฟ้า) ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ปี 2566 เวลา 21.41 น. ที่ระดับ 34,826 เมกะวัตต์ ไปเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากสภาพอากาศร้อนสะสมต่อเนื่อง โดยวันที่ 22 เม.ย. 2567 อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 35-38 องศาเซลเซียส แต่บางพื้นที่ความร้อนสะสมสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าเพื่อคลายความร้อนกันจำนวนมาก เป็นเหตุให้เกิดพีคไฟฟ้าดังกล่าวขึ้น

- Advertisment -
Screenshot

นอกจากนี้ยังถือเป็นพีคไฟฟ้าสูงสุดรอบที่ 8 ของปี 2567 ด้วย โดยพีคไฟฟ้าของปี 2567 ได้เกิดขึ้นดังนี้    

ครั้งที่  1 เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 เวลา 19.24 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 30,989.3 เมกะวัตต์

ครั้งที่  2 เมื่อวันที่  7  มี.ค. 2567 เวลา 19.47 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 32,704 เมกะวัตต์

ครั้งที่  3 เมื่อวันที่  1 เม.ย. 2567 เวลา 21.00 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 33,340 เมกะวัตต์

ครั้งที่  4 เมื่อวันที่  2 เม.ย. 2567 เวลา 20.51 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 33,827.1 เมกะวัตต์

ครั้งที่  5 เมื่อวันที่  4 เม.ย. 2567 เวลา 21.00 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,196.5 เมกะวัตต์

ครั้งที่  6 เมื่อวันที่  5 เม.ย. 2567 เวลา 22.22 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,277.4 เมกะวัตต์

ครั้งที่  7 เมื่อวันที่  6 เม.ย. 2567 เวลา 20.54 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,656.4 เมกะวัตต์

ครั้งที่  8 เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567 เวลา 20.58 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 35,830   เมกะวัตต์

Screenshot

ขณะที่เมื่อย้อนดูสถิติยอดการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนของไทย นับตั้งแต่เดือน ม.ค.- เม.ย. 2567 ก็มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง เช่นกัน ดังนี้

เดือน ม.ค. 2567  มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 11 ม.ค. 2567 เวลา 18.52 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 29,051.3 เมกะวัตต์

เดือน ก.พ. 2567  มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 22 ก.พ. 2567 เวลา 19.29 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 30,989.3 เมกะวัตต์

เดือน มี.ค. 2567  มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่  7  มี.ค. 2567 เวลา 19.47 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 32,704 เมกะวัตต์

เดือน เม.ย. 2567  มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 22 เม.ย. 2567 เวลา 20.58 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 35,830 เมกะวัตต์

Screenshot

อย่างไรก็ตามยอดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ดังกล่าว ได้สูงกว่าที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เคยคาดการณ์ไว้ว่า ปี 2567 นี้ จะเกิดพีคไฟฟ้าระดับ 35,000 เมกะวัตต์ แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนมากส่งผลให้พีคไฟฟ้าพุ่งขึ้นไปถึง 35,830 เมกะวัตต์  ดังนั้นหากสภาพอากาศยังคงร้อนสะสมอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ประเทศไทยอาจเกิดพีคไฟฟ้าที่ทำลายสถิติพีคไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งก็เป็นได้  

ทั้งนี้ภาครัฐยังคงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อน เนื่องจากการเกิดพีคไฟฟ้าจะส่งผลให้ไทยต้องซื้อเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากต่างประเทศมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น และยังส่งผลให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงด้วย  แม้ภาครัฐจะช่วยตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย โดยให้ กฟผ. แบกรับภาระค่าไฟฟ้าแทนประชาชนไปก่อน จนปัจจุบันประชาชนเป็นหนี้ กฟผ. อยู่ 99,689 ล้านบาท แต่สุดท้ายค่าไฟฟ้าทั้งหมดประชาชนก็ต้องมาจ่ายคืนในภายหลังอยู่ดี ดังนั้นภาครัฐจึงออกมารณรงค์ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันประหยัดไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้

Advertisment