สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปรียบเสมือน “เส้นเลือดใหญ่ในร่างกายของมนุษย์” ซึ่งหากขาดหรือชำรุดไปเพียงหนึ่งจุด ย่อมทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง จะทำให้ไฟฟ้าตกหรือดับเป็นวงกว้าง อาจจะทั้งจังหวัดหรือทั้งภาคเลยก็เป็นไปได้ จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลสายส่งไฟฟ้าให้คงอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ซึ่ง กฟผ. มีหน่วยงานที่เรียกว่า “Hotline” มีภารกิจบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. เพื่อให้สามารถส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ตก ไม่ดับ เพื่อสร้างความสว่างไสวและความสุขให้กับผู้คนทั่วประเทศไทย
และหากได้รู้จักการทำงานของหน่วยงานที่เรียกว่า “Hotline” ของ กฟผ. นี้แล้ว จะต้องยอมรับเลยว่าซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ได้มีแต่ในหนังหรือการ์ตูนเท่านั้น เพราะมนุษย์ธรรมดาอย่างช่างสาย Hotline ของ กฟผ. นี่เอง ที่สามารถทำภารกิจที่เสี่ยงอันตราย และท้าทายความกล้า ไม่ต่างไปจากเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย เพื่อบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. เพราะต้องขึ้นไปทำงานอยู่บนเสาไฟฟ้าแรงสูงความสูงเท่ากับตึก 20 ชั้น กับกระแสไฟฟ้าแรงดัน 500 กิโลโวลต์ หรือเท่ากับ 500,000 โวลต์ มากกว่ากระแสไฟฟ้าในครัวเรือนประมาณ 2,000 เท่า ที่ไหลอยู่ในสายไฟฟ้าแรงสูงไร้ฉนวนที่ถูกขึงทอดยาวอยู่กับเสาโครงเหล็ก เพื่อส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปทั่วทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“หนึ่ง และ หนุ่ม” คู่แฝด Hotline ของ กฟผ. คือตัวอย่างมนุษย์ธรรมดาที่ทำภารกิจราวซุปเปอร์ฮีโร่ดังที่กล่าวนั้น! และเป็นเรื่องแปลกแต่จริง ที่วันนี้ กฟผ. มีคู่แฝดที่ไม่ได้เหมือนกันเฉพาะรูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่เหมือนกันแม้กระทั่งอาชีพและภารกิจความรับผิดชอบอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในไทยจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเป็นช่างสาย Hotline ได้ ที่สำคัญ ทั้งคู่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์สุขให้แก่ผู้อื่น
นรินทร์ ยมะสมิตร “หนึ่ง” แฝดพี่ กล่าวว่า ผู้ปฏิบัติงานบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงทุกคนจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือก และผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจากโรงเรียนช่างสายของ กฟผ. รวมทั้งผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง ช่างสาย Hotline ทุกคนจะต้องมีความพร้อม ทั้งด้านทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญ สภาพร่างกายที่แข็งแรง และสภาพจิตใจที่มั่นคง
นพรัตน์ ยมะสมิตร “หนุ่ม” แฝดน้อง กล่าวว่า ระหว่างการปฏิบัติงานบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ช่างสาย Hotline ทุกคนจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูง เนื่องจากต้องขึ้นไปปฏิบัติงานบนเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงที่สูงจากพื้นดินตั้งแต่ 30-65 เมตร โดยรอบ ๆ ตัวจะเต็มไปด้วยแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ขนาด 115, 230 และ 500 กิโลโวลต์ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การทำงานจึงต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการทำงานเป็นสำคัญ
เส้นทางสู่ Hotline
นรินทร์ กล่าวว่า “เดิมทีหลังจากเรียนจบในสาขาช่างไฟฟ้าแล้ว ได้ข่าวการเปิดรับสมัครงานของ กฟผ. จึงสนใจและตัดสินใจสมัครงานที่ กฟผ. เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความมั่นคง และคิดว่าจะได้ทำงานตรงกับสาขาที่เรียน โดยสามารถสอบผ่านทั้งข้อเขียนและการสัมภาษณ์ รวมถึงผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่ การทดสอบเรื่องการขึ้นที่สูง (ปีนเสาไฟฟ้าแรงสูง) จึงได้มีโอกาสมาทำงานในส่วนของงาน Hotline อย่างเต็มตัวเช่นเดียวกับน้องชายฝาแฝด รู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพ Hotline เพราะเป็นงานที่ท้าทายความสามารถ และมีเพียงไม่กี่คนที่จะมีโอกาสทำงานแบบนี้ เพื่อสร้างแสงสว่างและความสุขให้กับคนไทยทุกคน”
สำหรับ นพรัตน์ “เหตุผลที่เลือกมาสมัครทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง หรือ Hotline ที่ กฟผ. นั้น เนื่องจากเป็นงานที่ตรงกับสาขาวิชาไฟฟ้าที่เราได้เรียนจบมา และงาน Hotline ถือเป็นงานที่เรียกว่า สุดยอดของไฟฟ้า เนื่องจากต้องทำงานกับแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 500,000 โวลต์ ซึ่งเป็นแรงดันไฟฟ้าสูงสุดของประเทศไทย เป็นงานที่ท้าทาย ความสามารถ ต้องเข้าไปสัมผัสกับแรงดันไฟฟ้าแรงสูงและต้องปีนขึ้นไปทำงานบนเสาไฟฟ้าแรงสูงมากกว่า 60 เมตร และใน ประเทศไทยมีเจ้าหน้าที่ Hotline อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น จึงตัดสินใจเลือกมาเป็นเจ้าหน้าที่ Hotline ของ กฟผ.”
ภารกิจสุดภาคภูมิใจในการเป็น Hotline
นรินทร์ แฝดพี่ เปิดเผยว่า การทำงาน Hotline ทุกครั้ง จะต้องมีการประชุมชี้แจง ทบทวนขั้นตอนการทำงาน ขณะปฏิบัติงานต้องช่วยกันดูแลเรื่องความปลอดภัย ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง ต้องมีความสามัคคีกันในทีม แม้ว่าสภาพอากาศอาจจะร้อน สภาพพื้นที่ทำงานจะเป็นทุ่งนาหรือป่าเขาทำให้การทำงานยากลำบากมากแค่ไหน ทุกคนก็มุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติภารกิจให้ประสบสำเร็จอย่างเต็มที่
“ภารกิจที่รู้สึกภาคภูมิใจมากที่สุด คือภารกิจการเปลี่ยนลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า โดยวิธีไม่ดับกระแสไฟฟ้า เป็นการบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าโดยไม่ทำให้ไฟฟ้าดับ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ถือเป็นงานที่เจ้าหน้าที่ Hotline ทุกคนต้องได้รับการฝึกจากโรงเรียนช่างสาย เพื่อให้เข้าใจหลักการและขั้นตอนการทำงานอย่างถูกต้องและปลอดภัย”
นพรัตน์ แฝดน้อง เล่าว่า “ภารกิจที่รู้สึกภาคภูมิใจมากที่สุด คือครั้งที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจกู้เสาส่งไฟฟ้าแรงสูงล้ม เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทีม Hotline ของ กฟผ. ทุกคนจะต้องเร่งดำเนินการกู้เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยต้องทำงานแข่งกับเวลา สภาพอากาศร้อน และความเสี่ยงจากเหตุการณ์ความไม่ สงบในพื้นที่ เพื่อให้ระบบส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า กลับมาใช้งานได้รวดเร็วที่สุด”
งานของ Hotline กฟผ. ยิ่งสูงยิ่งต้องระมัดระวัง ยิ่งเสี่ยงก็ยิ่งต้องเตรียมความพร้อมของร่ายกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง เพื่อปฏิบัติภารกิจบำรุงรักษา “เส้นเลือดใหญ่ของระบบไฟฟ้าไทย” ให้มีความมั่นคงและมีความพร้อมที่จะสร้างแสงสว่างและสร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน
*ขอบคุณภาพทั้งหมด จาก กฟผ.