ราช กรุ๊ป สนใจเข้าร่วมโครงการโซลาร์ฟาร์มของกองทัพบก และโซลาร์บนทุ่นลอยน้ำระบบไฮบริด ในเขื่อนอุบลรัตน์ ของ กฟผ. รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ที่มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับวิสาหกิจชุมชน 2 แห่งเพื่อยื่นข้อเสนอขอเข้าร่วมโครงการแล้ว
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ภายใต้ความร่วมมือกับกองทัพบกและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) (มีการลงนามความร่วมมือเมื่อ 28 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา) ที่เบื้องต้นจะศึกษานำร่อง ขนาด 300 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 3,000 ไร่ ในพื้นที่ของกองทัพบกที่จังหวัดกาญจนบุรี
โดยจะต้องรอให้ กฟผ.ศึกษาความเป็นไปได้ให้แล้วเสร็จ รวมทั้งนำเสนอให้กระทรวงพลังงาน พิจารณาบรรจุไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่เสียก่อน
นอกจากนี้ยังสนใจที่จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำระบบไฮบริดกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น กำลังการผลิต 24 เมกะวัตต์ ของ กฟผ. ซึ่งจะเป็นโครงการที่สอง ต่อจากโครงการที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาด 45 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่เขื่อนอุบลรัตน์นี้ มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2566 และคาดว่าจะมีการเปิดประมูลให้เอกชนมาดำเนินการก่อสร้างได้ในปีนี้
รวมทั้ง บริษัท ได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับวิสาหกิจชุมชน 2 แห่งเพื่อเตรียมพร้อมแข่งขันในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงประเภทชีวมวล ในพื้นที่ภาคใต้และภาคอีสาน โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ด้วย
นายกิจจา กล่าวว่า ในปี 2564 บริษัท ได้จัดสรรงบประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการเดิมและโครงการใหม่ โดยตั้งเป้าหมายขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 700 เมกะวัตต์ จากปี 2563 ที่มีกำลังผลิตรวม 8,174 เมกะวัตต์ โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก 455 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 245 เมกะวัตต์