ราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อตกลง กกพ. และ พนส. ดูแลนิวเคลียร์เพื่อผลิตพลังงาน

133
- Advertisment-

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ “ข้อตกลงการควบคุมดูแลสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงาน ระหว่างคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (พนส.) กับ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ” โดย พนส. เน้นด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ ส่วน กกพ. ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานและระบบโครงข่ายไฟฟ้า หลังจากนี้เตรียมกำหนดมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และแนวปฏิบัติในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน และตั้งคณะอนุกรรมการร่วมกันเพื่อพิจารณากลั่นกรองการออกใบอนุญาตต่างๆ ต่อไป ขณะร่างแผน PDP 2024 กำหนดให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก 600 เมกะวัตต์ ในปี 2580    

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้เผยแพร่ประกาศราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับ “ข้อตกลงการควบคุมดูแลการประกอบกิจการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงาน ระหว่างคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ กับ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน” โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวลงเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567

สำหรับเนื้อหาสำคัญระบุว่า เพื่อให้การควบคุมดูแลการประกอบกิจการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงานร่วมกัน ตาม พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความชัดเจนในขั้นตอนการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงาน ดังนั้นคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (พนส.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงเห็นชอบจัดทำข้อตกลงร่วมกัน ดังนี้

- Advertisment -

1.พนส. และ กกพ. ได้ตกลงที่จะกำกับดูแลสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงานร่วมกัน โดย พนส. จะกำกับดูแลในส่วนของความปลอดภัยทางนิวเคลียร์, ความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ และการพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์  ส่วน กกพ. จะกำกับดูแลในส่วนของความมั่นคงทางพลังงานและระบบโครงข่ายไฟฟ้า

2.การพิจารณาออกใบอนุญาตสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ของ พนส. ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559

3.การพิจารณาออกใบอนุญาตของ กกพ. ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 โดยให้พิจารณาออกใบอนุญาตและต่ออายุใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน รวมถึงการพักใช้  หรือเพิกถอนใบอนุญาต ในส่วนที่เกี่ยวข้อง

4.ทาง พนส. จะเป็นผู้กำหนดแผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี

ดังนั้นเพื่อให้ข้อตกลงบรรลุวัตถุประสงค์ทาง พนส. และ กกพ. จะร่วมกันจัดให้มีมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงแนวปฏิบัติในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน พร้อมกันนี้จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการร่วมกันเพื่อพิจารณากลั่นกรองการออกใบอนุญาต การอนุญาตและการกำกับดูแลใดๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ได้กำหนดให้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย  

สำหรับร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 หรือ PDP 2024  ได้กำหนดให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) รวม 600 เมกะวัตต์ ในปี 2580 ซึ่งแบ่งเป็นการตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 300 เมกะวัตต์ และภาคใต้ 300 เมกะวัตต์

Advertisment