ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังผลผลิตในลิเบียหายไปจากตลาด ด้าน OPEC+ ยืนยันแผนเพิ่มปริมาณการผลิตเดือน ต.ค. 67

157
- Advertisment-

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 26 – 30 ส.ค. 67 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 2 – 6 ก.ย. 67 ว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นหลังแหล่งผลิตในลิเบียหยุดดำเนินการ ทำให้อุปทานในลิเบียหายไปจากตลาด อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของ OPEC+ ที่ยืนยันแผนเพิ่มปริมาณการผลิตเดือน ต.ค. 67

วันที่ 1 ก.ย. 67 บริษัท Arabian Gulf Oil Company (AGOCO) ในลิเบียออกคำสั่งให้แหล่งผลิตน้ำมัน Sarir Messla และ Nafoura  ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 300,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการตามปกติ หลังแหล่งผลิตในลิเบียหยุดดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 67 จากความขัดแย้งทางการเมืองและการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างรัฐบาลกลางและกองกำลัง Libyan National Army (LNA) ซึ่งเป็นขั้วอำนาจทางการเมืองฝั่งตะวันออกของลิเบีย  ปริมาณการผลิตของลิเบีย ในเดือน ก.ค. 67 อยู่ที่ 1.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน

วันที่ 30 ส.ค. 67 สมาชิกกลุ่ม OPEC+ จำนวน 8 ประเทศ ที่อาสาลดการผลิตน้ำมันดิบ (Voluntary Cut) ปริมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน ก.ค. 66 – ก.ย. 67 ยืนยันแผนกลับมาเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 180,000 บาร์เรลต่อวัน ต่อเดือน ในเดือน ต.ค. – ธ.ค. 67 และ 213,000 บาร์เรลต่อวัน ต่อเดือน ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 68 ทั้งนี้ การประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของ OPEC+ ครั้งถัดไปวันที่ 2 ต.ค. 67 (OPEC+ จำนวน 18 ประเทศ ผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ค. 67 อยู่ที่ 34.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าโควตาอยู่ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน)

- Advertisment -

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขา Atlanta นาย Raphael Bostic ส่งสัญญาณว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในไตรมาส 4/67 ในการประชุมนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 17-18 ก.ย. 67 โดยชี้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก็ต่อเมื่อสามารถยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงใกล้เป้าหมายที่ 2% อย่างมั่นคง เนื่องจากหาก Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงแล้ว ไม่ควรกลับมาปรับเพิ่มขึ้นอีก เพราะอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน

ติดตามการประท้วงในอิสราเอล โดยสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในอิสราเอล Histadrut เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นาย Benjamin Netanyahu รับผิดชอบที่ไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน เป็นเหตุให้ตัวประกัน 6 รายเสียชีวิต ในวันที่ 1 ก.ย. 67 ขณะที่กลุ่มฮามาสเผยว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

Advertisment