รัฐมนตรีพลังงานเผยแผนPDPฉบับใหม่ ค่าไฟฟ้าต่ำกว่า PDP2015 เพราะเปิดให้มีการแข่งขันขายไฟ

262
- Advertisment-

รัฐมนตรีพลังงาน เผย แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือ PDP ฉบับใหม่ที่จะใช้ในปี 2561-2580 แบ่งโรงไฟฟ้าเป็นสองประเภท คือโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง และโรงไฟฟ้าภาคเอกชนและภาคประชาชนที่จะเปิดให้มีการแข่งขัน กัน โดยระบุราคาค่าไฟฟ้าภายใต้แผนพีดีพีใหม่ จะไม่แพงกว่าค่าไฟฟ้าในปัจจุบันที่  3.60 บาทต่อหน่วย  และโดยเฉลี่ยจะถูกกว่าค่าไฟฟ้าในแผนPDP2015 

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า  ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือ PDP ฉบับใหม่ จะแบ่งโรงไฟฟ้าออกเป็นโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง และด้านโรงไฟฟ้าไฟฟ้าเพื่อการแข่งขันภาคผู้ประกอบการและภาคประชาชน ส่วนจะกำหนด สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจะเป็นเท่าไหร่นั้นจะมีการพิจารณาอย่างเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงจะแบ่งการลงทุนเป็นรายภาค รวม 6 ภาคและ อีกหนึ่ง พื้นที่กรุงเทพฯ  ซึ่งจะรวมการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภาคประชาชนเพี่อผลิตใช้เองและขายส่วนเกินเข้าระบบเอาไว้ด้วย  คาดจะเปิดให้เริ่มผลิตได้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

- Advertisment -

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาค่าไฟฟ้าภายใต้แผนPDPฉบับใหม่ นั้นจะ มีแนวโน้มที่ถูกกว่าค่าไฟฟ้าปัจจุบันที่ 3.60 บาทต่อหน่วย เนื่องจากกระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาขายปลีกค่าไฟฟ้าด้านความมั่นคงให้อยู่ระดับ 3.60 บาทต่อหน่วย  และในส่วนของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อการแข่งขันนั้นกระทรวงพลังงานจะกำหนดกรอบการบริหารจัดการให้ราคาถูกกว่า 3.60 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะต่ำกว่า ค่าไฟฟ้าภายใต้แผน PDP 2015 ปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าปลายแผนในปี 2579 จะอยู่ที่ระดับ 5 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้แผนPDP ใหม่ยังปรับให้ 3 การไฟฟ้า(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ( กฟน.) ต้องร่วมกันดูแลด้านไฟฟ้าให้เกิดความมั่นคง จากแต่เดิมที่บทบาทดังกล่าว เป็นหน้าที่ของ กฟผ.เท่านั้น

สำหรับการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือ PDP ฉบับใหม่ นั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.2561 นี้ และจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาเห็นชอบต่อไป

โดยข้อมูลเบื้องต้นแผน PDP ใหม่ มีการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าปลายแผนจะอยู่ระดับ 60,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันซึ่งอยู่ประมาณ 34,000 เมกะวัตต์ ภายใต้สมมติฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ(GDP)ที่มากกว่า 4%

Advertisment