รัฐมนตรีพลังงาน ยอมรับผลประมูลขายน้ำมันปาล์มดิบ(CPO)ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ เพียง 45,300 ตัน ไม่ครบ 1 แสนตันตามเป้าหมาย สะท้อนปริมาณสต๊อกปาล์มไม่ได้มีปริมาณมากจริง รอกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง ก่อนเปิดรับซื้อเพิ่มให้ครบ 1 แสนตันภายในเดือน พ.ค. นี้
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการประมูลรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ของกฟผ.จากโรงสกัด เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 นั้น มีโรงสกัดเสนอขาย CPO โดยรวมเพียง 45,300 ตัน ต่ำกว่าเป้าหมาย 1 แสนตัน แสดงให้เห็นว่าปริมาณสต๊อกปาล์มไม่ได้มีปริมาณมากจริง ซึ่งจะมีการลงนามสัญญาซื้อขาย CPO ระหว่างโรงสกัดและกฟผ.ในวันที่ 22 พ.ค.2562 นี้
ทั้งนี้ทางกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมโรงสกัดไม่พร้อมเสนอประมูลขาย CPO ให้ครบ 1 แสนตัน ในราคาที่กระทรวงพาณิชย์แนะนำ 16.50 บาทต่อกิโลกรัม จากนั้นทางกระทรวงพลังงานจะพยายามเร่งให้เกิดการแข่งขันขาย CPO จนครบ 1 แสนตันภายในเดือน พ.ค. 2562 ต่อไป
โดยเมื่อการประมูลเพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้ไม่ครบ 1 แสนตัน ตามเป้าหมาย ทำให้ราคาผลปาล์ม ไม่ขยับสูงขึ้นมากนัก จากที่ประเมินว่า หากราคาแนะนำในการประมูลที่ 16.50 บาทต่อกิโลกรัม จะทำให้ผลปาล์มมีราคา 2.85 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันราคาผลปาล์มยังทรงตัวอยู่ระดับ 2.20-2.50 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2562 มอบหมายให้ กฟผ. ดำเนินการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2 แสนตัน ส่งมอบ ณ คลังน้ำมันปาล์มดิบ จ.สุราษฎร์ธานี โดยให้เร่งดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 1 แสนตัน ภายในเดือน พ.ค. 2562 เพื่อเร่งดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบ โดยกฟผ.ได้เปิดประมูลไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 มีผู้ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขการคัดเลือกจำนวน 15 ราย ด้วยปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 45,300 ตัน และให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบเริ่มส่งมอบที่คลังน้ำมันปาล์มดิบ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2562 เป็นต้นไป ซึ่งโรงงานสกัดจะต้องส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วันหลังจากลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว
