คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ขยายกรอบวงเงินชดเชยก๊าซหุงต้มหรือ LPG เพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 10,000 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถตรึงราคาจำหน่าย 318 บาทต่อถัง 15 กก. ให้ได้นานถึง มี.ค. 2564 โดยผลจากราคาLPG ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นช่วงหน้าหนาวทำให้เงินไหลออกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนละ 751 ล้านบาท
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานประชุม เมื่อเร็วๆนี้ ได้อนุมัติขยายกรอบวงเงินชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) อีก 5,000 ล้านบาท จากเดิมกำหนดกรอบไว้ 10,000 ล้านบาท รวมเพิ่มเป็น 15,000 ล้านบาท
โดยคาดว่าวงเงินที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยราคา LPG เอาไว้ที่ราคาเดิม 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมได้ถึงเดือน มี.ค. 2564 ตามที่กระทรวงพลังงานประกาศไว้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
การเข้าไปชดเชยราคาดังกล่าวส่งผลให้เงินไหลออกจากกองทุนLPG ประมาณ 751 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในบัญชี LPG ติดลบแล้ว 9,107 ล้านบาท (ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2563 ) และหากราคา LPG โลกยังทรงตัวสูงในระดับ 477 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน(ข้อมูล ณ 28 ธ.ค. 2563)ต่อไป จะทำให้ใช้เงินชดเชยเต็มกรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาทในเดือน มี.ค. 2564
โดยสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2563 มีเงินสุทธิอยู่ 27,481 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 36,588 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 9,017 ล้านบาท โดยแต่ละเดือนมีเงินไหลออกจากกองทุนฯ ประมาณ 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็น เพื่อชดเชยราคา LPG 751 ล้านบาท และชดเชยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ,ดีเซล B20 และดีเซล อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นเงินกองทุนฯที่เหลือ 27,481 ล้านบาทดังกล่าว คาดว่าจะหมดลงปลายปี 2564 ได้ หากไม่หยุดการไหลออกของเงินดังกล่าว
ดังนั้นในการประชุม กบน. รอบใหม่ประมาณปลายเดือน ม.ค. 2564 จะมีการเสนอแนวทางให้กองทุนฯหยุดปัญหาเงินไหลออกทุกเดือนก่อน โดยอาจเสนอให้เก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนฯ ในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกต่ำ ซึ่งต้องรอดูจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม และหากจำเป็นอาจต้องปรับขึ้นราคา LPG บางส่วนด้วย
