รัฐมนตรีพลังงาน สั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันทั่วประเทศ ป้องกันกักตุนและรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ยอมรับน้ำมันหมดหลายปั๊ม เหตุประชาชนชะลอเติม 2-3 วันก่อนปรับลดราคา และแห่ซื้อเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ราคาถูกในวันที่ 7 พ.ย. 2566 ส่งผลน้ำมันหมดหลายปั๊ม กรมธุรกิจพลังงาน สั่งผู้ค้าเร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว คาด 2 – 3 วัน ปริมาณการใช้น้ำมันจะกลับสู่สภาวะปกติ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกรณีมีการเผยแพร่ข่าวว่าสถานีบริการน้ำมันบางแห่งมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อความต้องการว่า จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ปริมาณการใช้น้ำมันช่วงก่อนหน้าที่จะมีการปรับลดราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 4 – 6 พ.ย. 2566 ตัวเลขเบื้องต้น มีการใช้น้ำมันลดลงกว่า 60% ซึ่งปกติน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จะมีการใช้ประมาณวันละ 17 ล้านลิตร ก็เหลือเพียงประมาณวันละ 7 ล้านลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงจากวันละ 6 ล้านลิตร เหลือวันละประมาณ 2 ล้านลิตร รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ก็มีปริมาณลดลงเช่นกัน
ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะประชาชนได้รับทราบข่าวสารล่วงหน้าในนโยบายการลดราคาน้ำมันเบนซินของกระทรวงพลังงาน จึงชะลอการใช้บริการ นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนการเติมชนิดน้ำมันจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มาเป็น 91 ทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทางกรมธุรกิจพลังงานได้มีคำสั่งให้ผู้ค้าน้ำมันเตรียมปริมาณน้ำมันสำรองในสถานีบริการให้เพียงพอ แต่เนื่องจากประชาชนได้ชะลอการเติมในช่วงก่อนที่จะมีการลดราคาน้ำมัน ทำให้วันที่ 7 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการลดราคาน้ำมัน ทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มสูงขึ้นมากจนหลายสถานีบริการมีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ดังนั้นกรมธุรกิจพลังงานจึงได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน คาดว่าภายใน 2 – 3 วันนี้ การใช้บริการจะกลับสู่ภาวะปกติ
“หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ผมได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานเร่งประสานผู้ค้าน้ำมันทุกราย เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมัน ทั้งนี้จากการตรวจสอบก็พบว่า ปริมาณการเติมน้ำมันในช่วงวันที่ 4 – 6 พ.ย. ลดลงเป็นอย่างมาก คาดว่าน่าจะเกิดจากประชาชนได้ชะลอการเติมน้ำมันไว้เพื่อที่จะมาเติมน้ำมันในวันที่ 7 พ.ย. 2566 ซึ่งจะมีการลดราคาน้ำมันเป็นวันแรก จึงคาดว่าภายใน 2 – 3 วันนี้ ปริมาณน้ำมันในสถานีบริการจะเข้าสู่ภาวะปกติ และขอย้ำว่าการปรับลดราคาครั้งนี้ เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน สถานีบริการไม่ได้รับการชดเชยจากภาครัฐ ดังนั้น สถานีบริการที่ซื้อน้ำมันในราคาสูงก่อนหน้าวันปรับลดราคาจะขาดทุนในสต๊อก จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะกักตุนน้ำมัน แต่จากราคาที่ลดลงส่งผลให้ประชาชนชะลอการเติมน้ำมันก่อนหน้านี้เพื่อรอเติมน้ำมันราคาต่ำในวันที่เริ่มปรับลดราคาพร้อมๆ กัน ทำให้สถานีบริการหลายแห่งน้ำมันหมด ซึ่งจะเกิดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ลงนาม แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการไม่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศขึ้นทันที
“เพื่อดูแลไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนและได้รับบริการจากสถานีบริการน้ำมันตามปกติ ผมจะให้คณะทำงานชุดนี้รับเรื่องมาและตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยประชุมกันแล้วในบ่ายวันนี้ เพื่อกำหนดแนวทางการตรวจสอบสถานีบริการทั่วประเทศ และจะจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรณีนี้เป็นการเฉพาะที่กระทรวงพลังงาน โดยประชาชนสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่ โทร. 02 140 7000 และหากพบว่าสถานีบริการหรือผู้ประกอบการรายใดตั้งใจงดให้บริการประชาชนจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายทันที” นายพีระพันธุ์ กล่าว