“พีระพันธุ์” ประชุมบอร์ด กองทุนอนุรักษ์พลังงาน ฟื้นฟูภาพลักษณ์ความโปร่งใส หลังถูก สตง.ไม่รับรองงบการเงินของกองทุนมาตั้งแต่ปี 57

227
- Advertisment-

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประชุมบอร์ด กองทุนอนุรักษ์พลังงาน หวังเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ความโปร่งใสและเตรียมแก้กฎระเบียบให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายยิ่งขึ้น หลังจากถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง. )ไม่รับรองงบการเงินของกองทุนฯ มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน เพราะตรวจพบความไม่ถูกต้องในการบริหารงานกองทุน

วันนี้ (27 ส.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ผู้แทนจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนจากเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายสิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน นายบุนยรัชต์ กิติยานันท์ นางฉวีวรรณ สินธวณรงค์ นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล นายอธึก อัศวานันท์ พร้อมด้วยนายรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งในวันนี้ได้มอบหมายกรอบการดำเนินงานของกองทุนฯ ให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เคยส่งหนังสือแจ้งมาว่าเกิดความไม่ถูกต้องในการบริหารงานกองทุนในช่วงที่ผ่านมา

กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นกองทุนหมุนเวียนโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ที่ผ่านมามีการตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยทาง สตง.ยังไม่ได้มีการรับรองงบการเงินกองทุนฯ เนื่องจากมีการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บางโครงการที่มีการเสนอมา เมื่อได้รับอนุมัติงบไปแล้ว นำเงินไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์โครงการที่เสนอมาในครั้งแรก

- Advertisment -

“การเร่งเข้ามาสะสางปมปัญหาด้านการบริหารงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานก็เป็นอีกหนึ่งกลไกขับเคลื่อนนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ผมให้ความสำคัญ เพราะโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุน หากดำเนินการได้ตรงตามวัตถุประสงค์จะเกิดประโยชน์ทั้งในมิติทางสังคม เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน มิติด้านเศรษฐกิจของประเทศ และมิติด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทวีบทบาทมากขึ้นในระดับสากล ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้ จะเห็นการร่างกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อใช้ในการพิจารณาโครงการ โดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินที่เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบอย่างถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ” นายพีระพันธุ์กล่าว 

Advertisment