เขียนเล่าข่าว EP. 64 – พลังงาน แจงกองทุนน้ำมันฯ ไม่ได้เก็บเงินผู้ใช้เบนซินพยุงกลุ่มดีเซล

303
- Advertisment-

พลังงานแจงกรณีเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สูงกว่า 4 บาทต่อลิตร ยืนยันไม่ใช่การเก็บเพื่อชดเชยดีเซลที่กองทุนฯ อุดหนุนราคาไปกว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่เก็บเพื่อดูแลเฉพาะผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์โดยตรง หลังพบผู้ค้าน้ำมันลดราคาไม่ทันตามกลไกตลาด ส่งผลค่าการตลาดสูง ทำให้กองทุนฯ เรียกเก็บเงินเข้าเพิ่ม เตรียมนำมาบริหารพยุงราคากลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ไม่ให้ปรับขึ้นหากราคาน้ำมันโลกพุ่ง ส่วนภาระกองทุนฯ กลุ่มผู้ใช้ดีเซลจะต้องรับผิดชอบโดยตรง คาดใช้เวลา 1 ปี กลุ่มผู้ใช้ดีเซลจ่ายคืนกองทุนฯ ได้หมด  

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ยืนยันว่าปัจจุบันการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ในอัตราที่สูงเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ไม่ได้หวังนำเงินมาชดเชยราคาดีเซล ในกรณีที่กองทุนน้ำมันฯ ใช้เงินอุดหนุนราคาดีเซลจำนวนมากจนปัจจุบันบัญชีน้ำมันติดลบรวม -61,003 ล้านบาท ซึ่งการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ในอัตราสูง ก็เพื่อนำมาดูแลราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ราคาเกิดความผันผวนปรับขึ้นลงบ่อยเกินไป

โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ดังนี้ ผู้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 จ่ายเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 จ่ายเข้ากองทุนฯ 4.10 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จ่ายเข้ากองทุนฯ 2.11 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จ่ายเข้ากองทุนฯ 1.46 บาทต่อลิตร

- Advertisment -

นอกจากนี้การเรียกเก็บเงินดังกล่าวในอัตราสูง เนื่องจากพบว่าในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงต่อเนื่อง แต่ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถปรับลดราคาน้ำมันให้ประชาชนได้ทัน ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันได้รับค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์สูงขึ้นถึงประมาณกว่า 3 บาทต่อลิตร ดังนั้นกองทุนฯ จึงต้องเข้าไปเรียกเก็บเงินกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์เพื่อส่งเข้ากองทุนฯ และทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันปรับลดลง

โดยเงินที่เก็บไว้จะนำมาดูแลราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์โดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น กองทุนฯ จะปรับลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง โดยผู้ใช้น้ำมันอาจไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วราคาน้ำมันจะต้องปรับขึ้น  แต่กองทุนฯ ใช้กลไกของกองทุนฯ ทำให้ราคาไม่ปรับขึ้นในหลายวันที่ผ่านมา   

อย่างไรก็ตามปัจจุบันราคาน้ำมันโลกมีความผันผวนสูง จากสถานการณ์สู้รบในต่างประเทศ ซึ่งราคาน้ำมันบางช่วงอาจขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางช่วงปรับลดลงบ้าง ดังนั้นกองทุนฯ จะต้องรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้ปรับขึ้นลงน้อยที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ในอัตราสูงดังกล่าว

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่กองทุนฯ ใช้เงินไปอุดหนุนราคาดีเซลมาเป็นเวลานานจนเงินในบัญชีน้ำมันติดลบกว่า 6 หมื่นล้านบาทนั้น ทางผู้ใช้น้ำมันดีเซลจะต้องเป็นผู้จ่ายคืนกองทุนฯ ไม่ใช่กลุ่มผู้ใช้เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ โดยนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 กองทุนฯ ได้หยุดชดเชยราคาดีเซลแล้ว และหันมาเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ แทน ปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ 2.06 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเกรดพรีเมียมจัดเก็บอยู่ 3.56 บาทต่อลิตร

ดังนั้นคาดว่าการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราถึง 2.06 บาทต่อลิตร อาจใช้เวลาประมาณ 1 ปี ก็จะทำให้สถานะกองทุนฯ ในบัญชีน้ำมันหยุดการติดลบได้ เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลมีปริมาณที่สูงกว่ากลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์เท่าตัว โดยดีเซลมียอดใช้อยู่ 68.61 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่กลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์มียอดใช้อยู่ 31.67 ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้นจึงสามารถเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ ได้ประมาณ 4,230 ล้านบาทต่อเดือน หากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวในระดับปัจจุบัน

ส่วนภาพรวมสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 25 ส.ค. 2567 กองทุนฯ ติดลบรวม -108,559 ล้านบาท มาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -61,003 ล้านบาท และบัญชีแก๊สหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,556 ล้านบาท

Advertisment