กระทรวงพลังงาน เตรียมใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาดีเซลB10 ไม่ให้ทะลุ 30 บาทต่อลิตร และ LPG ถัง15 กก. ไม่ให้เกิน363 บาทต่อถัง รับมือผลกระทบด้านราคาจาก กรณีความขัดแย้งสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน
ปัจจุบันเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีคงเหลือสุทธิ ประมาณ 37,000 ล้านบาท และทางสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการกองทุนน้ำมัน สามารถที่จะก่อหนี้ได้อีก 40,000 ล้านบาท
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้กำหนดเกณฑ์การนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาพยุงราคาน้ำมันในประเทศ ช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน โดยหากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นเกิน 5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ใน 1 สัปดาห์ ก็จะนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาพยุงราคาได้ทันที ทั้งนี้เพื่อดูแลราคาดีเซลB10 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตร) ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามจากการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปัจจุบันพบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบยังปรับขึ้นไม่ถึง 4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดย ณ วันที่ 6 ม.ค. 2563 ราคาอยู่ระดับ 69.60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดความไม่สงบในวันที่ 2 ม.ค. 2563 ที่อยู่ระดับ 65.66 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนราคาขายปลีกดีเซลB10 ปัจจุบันอยู่ที่ 25.39 บาทต่อลิตร ซึ่งการที่ราคาดีเซลB10 จะทะลุ 30 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันดิบดูไบจะต้องเกิน 80เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ในส่วนของราคาก๊าซหุงต้ม( LPG) ตลาดโลกอยู่ที่ 530 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับก่อนหน้านี้อยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่กระทรวงพลังงานยังคงควบคุมราคาขายปลีก LPG ถัง 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 363 บาทต่อถัง ทำให้ปัจจุบัน ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในบัญชีของ LNG ติดลบไปแล้ว 5,200 ล้านบาท
ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดประชุมในวันที่ 10 ม.ค. 2563 เพื่อพิจารณาการนำเงินกองทุนน้ำมันฯมาใช้ในช่วงเกิดวิกฤติพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน โดยจะกำหนดรูปแบบการแก้ปัญหาในแต่ละช่วงที่ราคาน้ำมันดิบโลกเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ให้มีความชัดเจน