คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)
มีมติให้กลับมาจำหน่ายดีเซล 3 ชนิด ทั้ง ดีเซลB7 ดีเซล( B10)และดีเซลB20 เหมือนเดิม ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 โดยยกเลิกดีเซล B6 พร้อมใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เหลืออยู่ 9,207 ล้านบาทตรึงราคากลุ่มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งหากไม่เพียงพอก็จะมีการกู้เงินเสริมสภาพคล่องกองทุนอีก 20,000 ล้านบาท และหากราคาน้ำมันโลกยังพุ่งสูงไม่หยุด ก็จะหารือกระทรวงการคลังเพื่อลดภาษีสรรพสามิต ชี้หากราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาดีเซลที่ควรจะเป็นจะอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตรซึ่งจะต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อเดือนเพื่อตรึงราคาให้ปรับลดลงมาต่ำกว่า 30บาทต่อลิตร
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง. เห็นชอบ 2 แนวทางดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินเพดาน 30 บาทต่อลิตร หลังจากมาตรการเดิมจะสิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. 2564 นี้ โดยแนวทางที่ 1.ให้ผู้ค้าน้ำมันกลับมาจำหน่ายน้ำมันกลุ่มดีเซลเป็น 3 ชนิดเหมือนเดิม คือ ดีเซล (B10), ดีเซล B7 และดีเซลB20 โดยยกเลิกดีเซลB6 ที่มีการประกาศใช้เป็นการชั่วคราวก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป โดยส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซลB7 กับน้ำมันดีเซล(B10) อยู่ที่ 0.15 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซลB7 กับน้ำมันดีเซลB20 อยู่ที่ 0.25 บาทต่อลิตร
และ 2.กบง.จะยังคงตรึงราคาในกลุ่มดีเซลไว้ไม่ให้เกินเพดาน 30 บาทต่อลิตรซึ่งเป็นเพดานราคาที่ทุกรัฐบาลก่อนหน้านี้ใช้เป็นแนวปฏิบัติมาโดยตลอด โดยจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ประมาณ 9,000 ล้านบาทในการเข้ามาตรึงราคา ซึ่งคาดว่าจะดูแลราคาได้ 3-5 เดือนจากนี้ หากราคาน้ำมันดิบโลกไม่สูงเกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ในขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 81-83 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม กบง. ได้ประเมินราคาน้ำมันดิบโลกสูงสุดไว้ที่ 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาดีเซลปรับตัวสูงขึ้นเป็น 33 บาทต่อลิตร และจะต้องใช้เงินกองทุนฯเข้าไปอุดหนุนประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้นหากเงินกองทุนฯที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ ก็จะมีการกู้เงินตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้กู้ได้เต็มที่ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท และหากเงินยังไม่พออีก ก็จะหารือกระทรวงการคลังเพื่อหามาตรการอื่นเสริม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาช่วยหากมีความจำเป็น
ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ต้องการให้ราคาดีเซลลดลงเหลือไม่เกิน 25 บาทต่อลิตรนั้น ทางกระทรวงพลังงานไม่สามารถตอบรับที่จะทำตามข้อเสนอได้ โดยยินดีจะพิจารณาช่วยเหลือในมาตรการเสริมอื่นๆที่ต้องให้ทางสมาพันธ์กลุ่มรถบรรทุกยื่นข้อเสนอเข้ามา
“ยืนยันว่ารัฐบาลได้พยายามดูแลราคาพลังงานในภาพรวมทั้งน้ำมันกลุ่มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ก๊าซหุงต้มไม่ให้เกิน 318 บาทต่อถังขนาด15 กิโลกรัม และยังพยายามที่จะเข้าไปช่วยดูแลเรื่องค่าไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างเต็มที่ ” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงทั้งราคาน้ำมันดิบ ก๊าซLPGและLNG และ ไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานสุทธิดังกล่าว กระทรวงพลังงานจึงอยากส่งสัญญาณไปถึงประชาชนให้ช่วยกันประหยัดพลังงานในช่วงนี้
พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าน้ำมันที่จะต้องช่วยดูแลค่าการตลาดน้ำมันไม่ให้เกิน 1.40 บาทต่อลิตร เพื่อให้สามารถยังคงตรึงราคาดีเซลเอาไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปจนกว่าจะพ้นช่วงฤดูหนาว ที่ คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกน่าจะปรับตัวลดลงมาได้