กระทรวงพลังงานเชื่อพนักงานบนแท่นผลิต ทุกคนได้ทำงานต่อ ไม่มีการปลดหรือเลิกจ้างก่อนกำหนด พร้อมเปิดทางให้ผู้รับสัญญา รายใหม่ ภายใต้ระบบแบ่งปันผลผลิตเข้าพื้นที่
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเตรียมการ เข้าพื้นที่ของผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต คือบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในกลุ่ม บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่มบริษัท มูบาดาลา จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในแปลงหมายเลข G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และของบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ ใน แปลงหมายเลข G2/61 (แหล่งบงกช) หลังจากที่มีการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต กับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไป เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2562 ว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติอยู่ระหว่างการเตรียมการด้านต่างๆ เพื่อให้การทำงานในช่วงรอยต่อเป็นไปอย่างราบรื่น ร่วมกับกลุ่มผู้รับสัมปทานในแหล่งเอราวัณ คือบริษัทเชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด และแหล่งบงกช คือกลุ่มบริษัทปตท.สผ.จำกัด(มหาชน) โดยมีรายละเอียดตามประกาศที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ออกไว้เมื่อวันที่19 เม.ย.2561
แหล่งข่าวยังระบุถึง ข่าวการเตรียมปลดพนักงานบนแท่นผลิตของบริษัทผู้รับสัมปทานก่อนสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้นมีจุดมุ่งหมายให้ทุกฝ่ายทั้ง รัฐและผู้รับสัมปทาน มีความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น และสามารถรักษาระดับการผลิตปิโตรเลียมได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังจากการลงนามข้อตกลง การส่งมอบสิ่งติดตั้ง ในเดือนมี.ค.ปีหน้า แผนของการเตรียมการเข้าพื้นที่และการรับโอนพนักงานบนแท่นผลิตในแหล่งสัมปทานที่สิ้นสุดอายุ น่าจะมีความชัดเจนตามลำดับ
นอกจากนี้ในเงื่อนไขการประมูลที่ผู้เข้าร่วมประมูลทุกรายรับรู้อยู่แล้ว คือผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องมีแผนการรับโอนพนักงานบนแท่นผลิตเดิมที่เป็นคนไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 จึงมั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้ทำงานบนแท่นผลิตต่อไป ตามความต้องการโดยไม่ต้องมีความตื่นตระหนก ว่าจะต้องถูกปลดออก หรือเลิกจ้าง ก่อนที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดอายุ