พลังงานชี้ 3 แนวทาง ครม. พิจารณาราคาดีเซล ก่อนสิ้นสุดมาตรการตรึงราคา 33 บาทต่อลิตร 31 ต.ค. 2567 นี้

429
- Advertisment-

พลังงาน เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาทบทวนราคาดีเซล ก่อนมาตรการตรึงราคาไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้ ชี้กรณีไม่ตรึงราคาต่อจะส่งผลให้ราคาดีเซลเป็นไปตามกลไกตลาดโลก เสี่ยงที่ราคาจะเกิน 33 บาทต่อลิตรได้  แต่คาดว่า 3 แนวทางที่ ครม. จะพิจารณาคือ ตรึงราคา 33 บาทต่อลิตรต่อถึงสิ้นปี 2567 หรือ ประกาศให้ กบน. ดูแลเองแต่ไม่ควรเกิน 33 บาทต่อลิตร หรือ ปรับลดเพดานราคาดีเซลลงเหลือ 32 บาทต่อลิตร แต่ต้องคำนึงถึงหนี้เงินต้นสถาบันการเงินที่ต้องเริ่มจ่ายตั้งแต่ พ.ย. 2567 นี้ และฐานะเงินกองทุนฯ ที่ยังติดลบอยู่ -95,333 ล้านบาท  

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาทบทวนราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้ง เนื่องจากจะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ในวันที่ 31 ต.ค. 2567 โดยคาดว่ากระทรวงพลังงานอาจจะเสนอ ครม. พิจารณาในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ต.ค. 2567 นี้

สำหรับปัจจุบันราคาดีเซลจำหน่ายอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมจำหน่ายที่ 44.94 บาทต่อลิตร โดยกองทุนน้ำมันฯ ไม่ได้ชดเชยราคาดีเซลมาตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 แล้ว และยังมีรายได้จากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ ด้วย โดยดีเซลและดีเซล B20 เรียกเก็บอยู่ 1.66 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเกรดพรีเมียมเรียกเก็บ 3.16 บาทต่อลิตร

- Advertisment -

ดังนั้นหาก ครม. ไม่พิจารณาต่ออายุมาตรการตรึงราคาดีเซลที่ 33 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ราคาดีเซลต้องเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ในอนาคตหากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้นอาจทำให้ราคาดีเซลในไทยสูงเกิน 33 บาทต่อลิตรได้

อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานคาดว่าแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้ คือ 1. ครม. ต่ออายุมาตรการตรึงราคาดีเซลที่ 33 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นปี 2567 นี้  2. ครม. ไม่ประกาศตรึงราคาดีเซล แต่กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ บริหารจัดการดูแลราคาดีเซลเอง แต่แนะนำว่าไม่ควรให้ราคาจำหน่ายเกิน 33 บาทต่อลิตร หรือ 3. ครม. ปรับลดเพดานราคาดีเซลสูงสุดลงเหลือไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มเห็นว่าราคาดีเซลปัจจุบันแพงเกินไป

ทั้งนี้การพิจารณาว่าจะเลือกแนวทางใดนั้น ต้องพิจารณาฐานะเงินกองทุนน้ำมันฯ และการใช้คืนหนี้เงินต้นให้สถาบันการเงินที่จะเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. 2567 นี้เป็นต้นไปด้วย โดยปัจจุบันราคาน้ำมันโลกปรับลดลง ส่งผลดีต่อกองทุนฯ ให้สามารถเก็บเงินเข้าได้มากขึ้น เพื่อเตรียมชำระหนี้ให้สถาบันการเงิน

แต่หาก ครม. ปรับลดเพดานราคาดีเซลลงเหลือ 32 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าลดลงจากปัจจุบันเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ อยู่ 1.66 บาทต่อลิตร จะเหลือเพียง 66 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ในปี 2568 จะต้องใช้หนี้ธนาคารเพิ่มขึ้นทุกเดือนจากระดับกว่า 140 ล้านบาท ขึ้นไปถึง 3,000 ล้านบาท ตามภาระการกู้ยืมที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนฯ อาจเหลือเงินไม่เพียงพอชำระหนี้เงินต้นได้

สำหรับฐานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 13 ต.ค. 2567 พบว่าเงินกองทุนน้ำมันฯ ติดลบลดลงเหลือ -95,333 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -47,885 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,448 ล้านบาท

Advertisment