พพ. ปรับแผน EEP 2024 ตั้งเป้าลดความเข้มข้นการใช้พลังงาน 36% ในปี 2580 หนุนจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 (ASEW) 3-5 ก.ค. 2567

- Advertisment-

พลังงาน จับมือ อินฟอร์มา  มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และภาคีเครือข่าย ตอกย้ำการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 (ASEW) 3-5 ก.ค. 2567 มุ่งเน้นผลักดันพลังงานสะอาด ด้านกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ลั่นจัดทำแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกและแผนอนุรักษ์พลังงาน EEP 2024 ใหม่ ปรับลดความเข้มข้นการใช้พลังงานจาก 30% เป็นลดการใช้ให้ได้ถึง 36% ภายในปี 2580

วันที่ 5 มิ.ย. 2567 อินฟอร์มา  มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และกระทรวงพลังงาน ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านพลังงาน ตอกย้ำการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 (ASEW) ภายใต้แนวคิด “เสริมสร้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” พร้อมจัดงานแสดงเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า พพ. ได้จัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan: AEDP2024) และแผนอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan: EEP 2024) ตามนโยบายแผนพลังงานชาติ โดยการสนับสนุนส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยลดค่าความเข้มการใช้พลังงาน (Energy Intensity) จากเดิม 30% เป็น 36% ภายในปี พ.ศ.2580 ทั้งนี้ในมิติด้านพลังงานต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ ด้านไฟฟ้าที่ทาง พพ.ได้ส่งเสริมไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ขณะที่ภาคขนส่งก็มีการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ

- Advertisment -

อย่างไรก็ตามนอกจากการดำเนินการตามแผนงาน ทาง พพ. ยังทำงานร่วมกับทุกภาคีเครือข่ายด้านพลังงานผ่านเวทีการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านหัวข้อเสวนาที่สำคัญ ได้แก่ การดำเนินการตามมาตรฐานหลักเกณฑ์สำหรับการออกแบบบอาคารที่ก่อสร้างใหม่ การส่งเสริมการลงทุนและการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงแนวทางการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อสร้างประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันภาคพลังงานของไทย เราเชื่อมั่นว่าแผนพลังงานดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการนำพาไทยก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

น.ส.พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคมเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) กล่าวว่า วันนี้ เทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน ถูกนิยามว่าเป็น “Key enable to energy transition” หรือ กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด โดยบทบาทสำคัญที่ผ่านมาทางสมาคมฯได้ดำเนินการในการให้ข้อมูล ส่งเสริมความเข้าใจให้เกิดการใช้งานที่ถูกต้อง ประหยัด ปลอดภัย ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีกับหลายๆภาคส่วน รวมถึงให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องในด้านมาตรฐานและนโยบายที่สำคัญจากเทคโนโลยีดังกล่าว

และในปี 2567 นี้ก็ยังคงเดินหน้าสานต่อการจัดงานสัมมนา International Energy Storage Forum ร่วมกับ TESTA Symposium  ซึ่งจัดขึ้นในงาน Energy Storage Asia 2024 โดยครั้งนี้มุ่งเน้นการเสวนา ภายใต้หัวข้อ “นวัตกรรมและนโยบายการจัดการแบตเตอรี่หลังสิ้นอายุขัยเพื่อความยั่งยืนของระบบกักเก็บพลังงาน” ซึ่งมี บริษัท Ascend Elements, 700 MUSD  และ บริษัท AM Batteries มาแบ่งปันประสบการณ์การรีไซเคิลวัสดุแคโทดจากแบตเตอรี่มาใช้ใหม่ การผลิตแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ทั้งนี้ภายในงานยังมี การเสวนาด้านการจัดการแบตเตอรี่จาก EV โดยภาครัฐและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย รวมถึง การเปิดตัว “ภาคีเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก” โดยทางสมาคมฯ มั่นใจว่าเวทีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสู่การเชื่อมไทยสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มาฯ ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ร่วมขานรับเป้าหมายและพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานผ่านการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) ซึ่งงานนี้ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ โดยจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 34 แล้ว โดยเวทีดังกล่าวได้รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง ผู้จัดแสดง ผู้ซื้อ รวมถึงผู้ชมงานในอีกหลากหลายสาขาอาชีพทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ไปจนถึงกลุ่ม SMEs โดยในทุกปีได้รับการตอบรับที่ดีจากภาครัฐ เอกชน รวมถึงภาคีเครือข่ายด้านพลังงานทั้งไทยและต่างประเทศร่วมผลักดัน เชื่อมโยงโอกาสให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างไร้รอยต่อเพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศ และมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในภาคอุตสาหกรรม

“งาน ASEW 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เสริมสร้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” โดยครั้งนี้เพิ่มความเข้มข้นด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมพลังงาน อย่างครบวงจรบนพื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร เต็มพื้นที่การจัดงานของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นงานใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ทั้งนี้ยังได้รวบรวมเทคโนโลยีล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำด้านพลังงานกว่า 1,500 รายทั่วโลก และพาวิเลียนนานาชาติจากประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานยั่งยืน ร่วมสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยและอาเซียนได้สร้างเครือข่ายกับผู้นำด้านพลังงานจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ ATESS, DELTA, ABB, AIKO SOLAR, BCPG, HITACHI ENERGY, SCG, SMA, SOLAREDGE, SOLIS, TESLA ENERGY เป็นต้น”

โดยปี 2567 นี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 33,000 คน จากทั่วภูมิภาคครอบคลุมทุกห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไทย และเพื่อให้เป็นงานที่ครอบคลุมทุกมิติของพลังงาน ดังนั้นจึงขยายงานด้านระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage Asia โดยงานนี้จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้งาน ASEW มีความครบถ้วนทุกด้านของพลังงานสะอาด รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานล่าสุดจากบริษัทชั้นนำระดับโลก และอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือการจัดสัมมนาเชิงลึกด้านพลังงานที่ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานระดับโลกมาแลกเปลี่ยนความรู้ในการประชุมและสัมมนานานาชาติ อาทิ REA Conference, Asia Urban Energy Assembly, ASEAN Bioenergy and Bioeconomy Conference, Energy Storage Forum เป็นต้น และสัมมนาอื่นๆกว่า 200 หัวข้อ

นอกจากนี้ยังมีโซนจัดแสดงพิเศษจากหน่วยงานและบริษัทชั้นนำร่วมให้ความรู้และคำปรึกษา อย่าง InnoTech Stage, Startups Alley และ Carbon Free Valley รวมครบไว้ในงานเดียว อินฟอร์มาฯ มั่นใจว่า เวทีนี้จะเป็นก้าวที่มั่นคงในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยให้เดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในฐานะผู้นำของภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพและยั่งยืนด้วย

Advertisment

- Advertisment -.