คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 1.35 บาทต่อลิตร เหลือเก็บ 1.45 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ลดเก็บเหลือ 0.16 บาทต่อลิตร ให้สอดคล้องกับการปรับลดภาษีน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ โดยจะส่งผลให้พรุ่งนี้ 7 พ.ย. 2566 ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ปรับราคาลง 2.50 บาทต่อลิตร และน้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ชนิดอื่นปรับลดลงตามภาษีที่ ครม. กำหนดให้ลดหลั่นตามอัตราส่วนผสมน้ำมันเบนซินแต่ละชนิดต่อไป
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC) รายงานว่า พรุ่งนี้ (7 พ.ย. 2566) ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ จะปรับลดลง 1 บาทต่อลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จะปรับลง 2.50 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2566 ที่ใช้แนวทางปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดลง 1 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันเก็บอยู่ 6.50 บาทต่อลิตร โดยการลดภาษีดังกล่าวจะลดหลั่นไปตามอัตราส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน เช่น E10(น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 ) ภาษีจัดเก็บลดลง 90 สตางค์ต่อลิตร , น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร , E85 ลดลง 15 สตางค์ต่อลิตร
โดยปัจจุบันราคาจำหน่ายน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เป็นดังนี้ ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 38.25 บาทต่อลิตร จะได้ปรับลดราคาลง 90 สตางค์ต่อลิตร, ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 37.98 บาทต่อลิตร จะได้ปรับลดราคาลง 2.50 บาทต่อลิตร (จากการลดภาษีน้ำมัน 90 สตางค์ต่อลิตร และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนด้วย), ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 35.94 บาทต่อลิตร จะได้ปรับลดราคาลง 80 สตางค์ต่อลิตร และราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 36.09 บาทต่อลิตร จะได้ปรับลดราคาลง 15 สตางค์ต่อลิตร
สำหรับกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้ปรับอัตราเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ใหม่ สำหรับรองรับการปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันวันที่ 7 พ.ย. 2566 ดังนี้ กำหนดให้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ เบนซิน 9.38 บาทต่อลิตร ตามเดิม , น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เรียกเก็บ 2.80 บาทต่อลิตร ตามเดิม, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดการเก็บลง จาก 2.80 บาทต่อลิตร เหลือ 1.45 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 0.81 บาทต่อลิตร ตามเดิม และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ลดเก็บเงินลงจาก 0.81 บาทต่อลิตร เหลือ 0.16 บาทต่อลิตร ขณะที่น้ำมันดีเซลนั้น กองทุนฯ ต้องนำเงินเข้าไปช่วยพยุงราคา 4.17 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ราคาขายเกิน 30 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามการปรับอัตราเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ต้องพิจารณาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วมด้วย ดังนั้นในส่วนของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 กองทุนฯ ที่เคยเก็บอยู่ 2.80 บาทต่อลิตร เหลือเก็บเพียง 1.45 บาทต่อลิตร หรือลดลง 1.35 บาทต่อลิตรนั้น เพื่อให้โดยรวมราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับลดราคาเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ทั้งหมดดังกล่าว จะมีระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง 7 พ.ย. 2566 – 6 ก.พ. 2567
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดย สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 5 พ.ย. 2566 พบว่าสถานะกองทุนฯ เริ่มติดลบมากขึ้น โดยติดลบรวม 75,625 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 30,185 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,440 ล้านบาท
ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 6 พ.ย. 2566 เวลาประมาณ 15.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 89.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 81.58 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 85.91 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ส่วนค่าการตลาดน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 6 พ.ย. 2566 ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) พบว่า ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.63 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซินอยู่ในระดับสูงประมาณ 3.5 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดตั้งแต่วันที่ 1-6 พ.ย. 2566 อยู่ที่ระดับ 2.58 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 1.50-2 บาทต่อลิตร