คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) สั่งเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ถึง 3.40 บาทต่อลิตรส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และเพิ่มการอุดหนุนราคาดีเซลเป็น 2.39 บาทต่อลิตร ขณะค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ถูกเก็บอยู่ 3.25 บาทต่อลิตร ดันราคาจำหน่ายแตะ 38.75 บาทต่อลิตร เหตุ กบน. ต้องควักเงินพยุงราคาดีเซล ทำเงินไหลออกเกือบ 600 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ต้องเข้ามาแบกรับภาระแทน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 2.02 บาทต่อลิตร เป็น 2.39 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น โดยการอุดหนุนราคาดังกล่าวจะช่วยรักษาระดับราคาจำหน่ายดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา ที่กำหนดให้ขึ้นราคาดีเซลได้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2567 นี้ โดยปัจจุบันราคาจำหน่ายดีเซลอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องประสบปัญหาเงินไหลออกประมาณ 178.28 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมากกว่าเงินไหลเข้าที่มี 158.47 ล้านบาทต่อวัน ทำให้เงินกองทุนฯ ติดลบวันละ 19.81 ล้านบาท หรือประมาณ 594 ล้านบาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม กบน. ได้ทยอยปรับขึ้นราคาดีเซลจาก 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2567 จนถึงปัจจุบันรวม 6 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ปรับขึ้น 3 บาทต่อลิตร หรือจากราคาจำหน่าย 29.94 บาทต่อลิตร เป็น 32.94 บาทต่อลิตรในปัจจุบัน โดยหลังสิ้นสุดมาตรการปรับขึ้นราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ในวันที่ 31 ก.ค. 2567 นี้ ราคาดีเซลจะเป็นอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับมติ ครม. ในครั้งต่อไป
ส่วนการอุดหนุนราคาดีเซลนับตั้งแต่ต้นปี 2567 พบว่า กบน.เคยพยายามลดการชดเชยราคาดีเซลจนเหลือต่ำสุดที่ 1.40 บาทต่อลิตร เมื่อเดือน พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันได้ขยับการอุดหนุนขึ้นตามราคาน้ำมันโลก โดยปรับขึ้นเป็น 2.39 บาทต่อลิตรแล้ว
สำหรับผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ก็ต้องแบกรับภาระส่งเงินเข้ากองทุนฯ สูงขึ้น โดยนับย้อนไปหลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร ของกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 กองทุนฯ ได้เข้ามาพยุงราคาเบนซิน- แก๊สโซฮอล์ แทนภาษีดีเซลที่หายไป จากนั้น กบน. ได้เริ่มกลับมาทยอยเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมถึงภาระดีเซลที่กองทุนฯ อุดหนุนราคาด้วย โดย กบน. เพิ่มการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์สูงขึ้นจาก 2.25-2.80 บาทต่อลิตร เป็นอัตราเดียวกันที่ 3 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 3.40 บาทต่อลิตรมาตั้งแต่ 9 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บค่าการตลาดอยู่ที่ 3.25 -3.36 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 95 สูงขึ้นมาอยู่ที่ 38.75 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 มาอยู่ที่ 38.38 บาทต่อลิตร (ณ วันที่ 1 ก.ค. 2567)
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดย สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 23 มิ.ย. 2567 ภาพรวมกองทุนฯ ยังคงติดลบรวม -110,743 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -63,121 ล้านบาท และมาจากบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,622 ล้านบาท
โดยกองทุนฯ ยังมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ดังนี้ เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 อยู่ที่ 9.98 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เรียกเก็บ 3.40 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 1.41 บาทต่อลิตร,น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เรียกเก็บ 0.76 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมี่ยม เรียกเก็บ 1.50 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซล จ่ายชดเชยอยู่ 2.39 บาทต่อลิตร
ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าได้รับ ณ วันที่ 1 ก.ค. 2567 ซึ่งรายงานโดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่าค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 1.81 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินยังสูงอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดน้ำมัน ณ วันที่ 1 ก.ค. 2567 อยู่ที่ 2.29 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร)
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 1 ก.ค. 2567 เวลาประมาณ 15.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 82.49 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 82.20 เหรียญหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.66 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 85.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล